กรมศิลป์ฯ ลงพื้นที่ ตรวจจุดเกิดพระธาตุถล่มในวัดศรีสุพรรณ พบแกนในพระธาตุเป็นโบราณสถานเก่าแก่ถูกครอบทับไว้ พร้อมขอเวลาตรวจสอบก่อนดำเนินการบูรณะ ซ่อมแซมครั้งใหญ่ในประวัติศาสตร์
ช่วงเช้าวันนี้ (30 ก.ย.65) รายงานข่าวแจ้งว่า ความคืบหน้ากรณีพระธาตุอายุราว 522 ปี ภายในวัดศรีสุพรรณ ต.หายยา อ.เมืองเชียงใหม่ พังถล่มลงมาเมื่อช่วงเย็นวานนี้ จนเหลือไม่ถึงครึ่งองค์ สร้างความตื่นตกใจให้กับพระเณรที่อยู่ในเหตุการณ์ ล่าสุดเช้าวันนี้นักโบราณคดีจากสำนักศิลปากรที่ 7 เชียงใหม่ ลงพื้นที่ตรวจสอบความเสียหาย ขณะที่ทางวัดได้ปิดกั้นพื้นที่ ห้ามไม่ให้บุคคลที่ไม่เกี่ยวข้องเข้าไป เพื่อป้องกันอันตรายที่อาจเกิดขึ้น และในวันนี้ทางโรงเรียนเทศบาลวัดศรีสุพรรณที่อยู่ภายในวัด ได้ปิดการเรียนการสอนเป็นวันที่สอง
นายเทอดศักดิ์ เย็นจุระ ผู้อำนวยการ กลุ่มอนุรักษ์โบราณสถาน สำนักศิลปากรที่ 7 เชียงใหม่ บอกว่า ก่อนหน้านี้พบรอยแตกร้าวที่ถือเป็นสัญญาณอันตราย เจ้าหน้าที่จากสำนักศิลปากรที่ 7 ได้เข้าตรวจสอบและได้ประกาศให้เป็นพื้นที่อันตราย และทางวัดได้ปิดกั้นพื้นที่และสั่งหยุดปิดโรงเรียน แต่ยังไม่ทันบูรณะซ่อมแซมก็ได้พังลงมาเสียก่อน

ความเสียหายที่เกิดขึ้นจากการตรวจสอบพบว่า แกนในขององค์พระธาตุเป็นโบราณสถานเดิม ที่มีการก่อพอกด้วยซีเมนต์เพื่อเสริมความมั่นคงแข็งแรง เป็นเหมือนการเพิ่มน้ำหนักให้กับโบราณสถานเดิม โดยไม่มีการเสริมโครงสร้าง ประกอบกับในพื้นที่มีการเทพื้นคอนกรีตโดยรอบ ทำให้ความชื้นใต้ดินไม่สามารถระเหยออกมาได้ และทำให้ระเหยเข้าภายในองค์พระธาตุ นอกจากนี้ ยังมีการทาสีทองทับองค์เจดีย์ทั้งองค์ กลายเป็นการเคลือบทับไม่ให้ความชื้นระเหยออกมาได้ จากนั้นเมื่อมีรอยแตก น้ำฝนก็ค่อย ๆ ซึมเข้าไปเพิ่มกับความชื้นด้านใน จนทำให้ไม่สามารถรับน้ำหนักไว้ได้ในที่สุด
สำหรับโบราณสถานดั้งเดิมที่ถูกครอบทับไว้ พบว่ามีการก่อพอกและต่อเติมมาหลายครั้งและนานมาก หากไม่พังลงมาก็จะไม่ทราบว่าแกนในเป็นโบราณสถาน ตรวจสอบเบื้องต้นคาดว่าก่อนก่อพอก โบราณสถานเดิมมีความสมบูรณ์ค่อนข้างมาก ซึ่งหลังจากนี้จะมีการตรวจสอบทางโบราณคดี ว่ามีความเก่าแก่มากน้อยเพียงใด โดยหลังจากนี้จะเปิดพื้นที่เก็บเศษวัสดุและให้นักโบราณคดี เข้ามาดูว่าตำแหน่งเดิมของโบราณสถานอยู่ในยุคสมัยไหน ส่วนจะบูรณะให้เป็นรูปแบบดั้งเดิมหรือรูปแบบใหม่ ขึ้นอยู่กับทางวัดจะพิจารณา

ส่วนกรณีที่มีฝนตกชุก และมีโบราณสถานพังทลายและทรุดตัวมาต่อเนื่อง ทั้งประตูช้างเผือกและเจดีย์วัดศรีสุพรรณในครั้งนี้ ยอมรับว่าพื้นที่เชียงใหม่มีโบราณสถานหลายแห่ง ที่ยังไม่ได้รับการบูรณะ ขณะนี้ทางกรมศิลปากรได้ดำเนินการตรวจเช็ค รวมทั้งรับแจ้งจากเครือข่ายบ้าง ซึ่งในส่วนของการป้องกันหรือเฝ้าระวังได้พยายามประชาสัมพันธ์ ทั้งกำแพงเมืองเดิมที่มีประชาชนเข้าไปอยู่อาศัย อาทิ ประตูหายยา เวียงสวนดอก กำแพงดิน โอกาสที่มีปริมาณน้ำฝนที่ตกมามาก ดินที่อุ้มน้ำเกิดการอิ่มตัวและอาจเกิดการสไลด์ของชั้นดิน รวมทั้งต้นไม้ใหญ่ที่อยู่บนกำแพงเมืองอาจจะล้ม และสร้างความเสียหายให้กับบ้านเรือนประชาชน ที่ปลูกชิดกับแนวโบราณสถานได้ ซึ่งส่วนนี้ต้องประสานเพราะบางพื้นที่กรรมสิทธิ์ที่ดินเป็นของกรมธนารักษ์
ขณะที่ทางด้าน นายวรญาณ บุณราช รองผู้ว่าราชการ จ.เชียงใหม่ เปิดเผยว่า โชคยังดีที่มีการเตรียมการล่วงหน้า หลังมีสิ่งบอกเหตุว่าเจดีย์เกิดการแตกร้าว และเสี่ยงต่อการพังทลายลงมา โดยมีการเตรียมการป้องกันและระวังอย่างดี ทำให้เหตุการณ์ในครั้งนี้ ไม่เกิดความเสียหายทั้งผู้คนและทรัพย์สินใดๆ ส่วนการดำเนินการต่อไปเป็นเรื่องที่จะต้องฟังจากทางกรมศิลปากร ในการเข้าตรวจสอบความเสียหาย และรายละเอียดต่างๆ ให้ครบถ้วนก่อน ส่วนมาตรการดำเนินการที่จะดำเนินการต่อไปอย่างไร ต้องพึ่งเครือข่ายที่เกี่ยวข้องและพี่น้องชาวเชียงใหม่ เพื่อร่วมกันหาทางที่จะบูรณะขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง








ร่วมแสดงความคิดเห็น