เมื่อวันที่ 16 ก.พ.2566 ภายในห้องประชุมของอุทยานแห่งชาติภูซาง จ.พะเยา นายกิตติ ชัยดรุณ นายอำเภอภูซาง ได้เปิดการประชุมในเรื่องของการแก้ปัญหาหมอกควัน-ไฟป่าขึ้น หลังพบว่าพื้นที่ของ อ.ภูซางเริ่มมีหมอกควันเข้ามาปกคลุมเป็นอย่างมาก โดยการประชุมดังกล่าวได้มีทางนายแพงส้อย แพงเมือง เจ้าเมืองคอบ แขวงไชยะบุลี สปป.ลาว นายสมเกียรติ ปูกา ผอ.ส่วนอนุรักษ์สัตว์ป่า ผู้แทนผอ.สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 15 หัวหน้าอุทยานแห่งชาติภูซาง นายกองค์การบริหารส่วนตำบลทุ่งกล้วย นายกองค์การบริหารส่วนตำบลภูซาง กำนันตำบลทุ่งกล้วย, กำนันตำบลภูซาง, ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 7 ตำบลทุ่งกล้วย และผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 12 ตำบลภูซาง ได้ร่วมประชุมหารือในครั้งนี้เผื่อวางแนวทางการป้องกันหมอกวัน-ไฟป่าอย่างจริงจัง

นายกิตติ กล่าวว่า ในการประชุมครั้งนี้สืบเนื่องมาจากปัญหาหมอกควันและไฟป่าที่ปีนี้ค่อนข้างจะรุนแรง โดยปัญหาที่เกิดขึ้นนี้ทำให้ชาวบ้านในพื้นที่ของ อ.ภูซาง ใช้ชีวิตกันอย่างยากลำบากด้วย ซึ่งในแต่ละวันตนเองก็ได้สั่งการให้ กำนัน ต.ภูซาง และทุ่งกล้วย ได้จัดเตรียมกำลังพลเพื่อเดินสำรวจว่ามีการลักลอบเผาป่าหรือไม่ นอกจากนี้ทางเจ้าหน้าที่ อช.ภูซาง ก็ตรึงกำลังเข้มเพื่อป้องกันปัญหาหมอกควัน ไฟป่านี้ด้วย ซึ่งล่าสุดทาง อ.ภูซาง ก็ได้มีการประชุมหารือกับทางเจ้าเมืองคอบ สปป.ลาว ในเรื่องของการป้องกันปัญหาดังกล่าวนี้ โดยได้มีการร่าง MOU และทำข้อตกลงร่วมกันซึ่งใจความสำคัญนั้นมีทั้งในเรื่องขอการประชาสัมพันธ์ไม่ให้มีการเผ่า รณรงค์ถึงผลเสียที่ตามมาโดยให้เริ่มทำหลังจากมีประกาศทางจังหวัดคือเริ่มตั้งแต่ 1 ก.พ.-30 เม.ย.66 ด้วย นอกจากนี้ก็ให้ทั้ง 2 พื้นทีได้จัดชุดออกลานตระเวนตามแนวชายแดนไทย-ลาวของเขต ต.ภูซาง และต.ทุ่งกล้วย เพื่อคอยสวดส่องดูแลในเรื่องของการลักลอบเผาด้วย รวมทั้งให้กำนัน-ผู้ใหญ่บ้านทั้ง 2 ประเทศได้มีการแลกเปลี่ยนข้อมูลในเรื่องของปัญหาหมอกควัน-ไฟป่าที่เกิดขึ้นในช่วงนี้ด้วย
ด้านนายอนุศาสตร์ สุริยา กำนัน ต.ภูซาง ได้กล่าวเสริมว่า ภายหลังการทำข้อตกลงหรือ MOU กับทาง สปป.ลาวนั้นจะเห็นได้ว่าทั้งฝั่งของเราและฝั่งทาง สปป.ลาวมีท่าทีที่ชัดเจนเป็นอย่างมากด้วยทาง สปป.ลาวได้มีการเฝ้าระวังอย่างเข้มงวดในเรื่องนี้เพราะปัญหาที่เกิดขึ้นนี้ต้องร่วมมือช่วยกันทุกฝ่าย ซึ่งขณะนี้ทางฝั่ง สปป.ลาวได้เผยว่ายังไม่มีการเผาป่าหรือขยะแต่อย่างใด แต่ถ้าหากพบว่ามีการลักลอบเผานั้น หากผู้ใดพบเห็นจะให้รางวัลนำจับถึง 5 ล้านกีบ หรือประมาณ 1 หมื่นบาท ในฝั่งของทาง สปป.ลาว ส่วนทางฝั่งไทยขณะนี้เจ้าหน้าที่ก็ตรึงกำลังเข้มเช่นกัน และพบว่าตั้งแต่ประกาศจนถึงเวลานี้ยังไม่พบผู้กระทำผิดแต่อย่างใ













ร่วมแสดงความคิดเห็น