วิเคราะห์ตลาดทองคำและค่าเงินประจำวันที่ 26 มิถุนายน 2567 

ราคาทองคำสปอต (Spot Gold Price) ปรับตัวลดลงปิดตลาดที่ 2,318 ดอลลาร์สหรัฐ ลดลง 13 ดอลลาร์สหรัฐ สาเหตุหลักมาจากการแข็งค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐและการปรับตัวเพิ่มขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ (US Treasury Yield) ซึ่งเป็นผลมาจากการแถลงของผู้ว่าการธนาคารกลางสหรัฐ (Federal Reserve) นางมิเชล โบว์แมน ที่กล่าวว่าในขณะนี้ยังไม่ถึงเวลาที่จะลดอัตราดอกเบี้ย และมีความเป็นไปได้ที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยหากเงินเฟ้อยังคงสูงอยู่ 

แนวโน้มและปัจจัยสำคัญ 

1. แนวโน้มราคาทองคำ: 

    – แนวรับ: 2,315 ดอลลาร์ และ 2,305 ดอลลาร์ 

    – แนวต้าน: 2,335 ดอลลาร์ และ 2,340 ดอลลาร์ 

แนวโน้มของราคาทองคำยังคงเคลื่อนไหวในกรอบ (Sideway) โดยมีแนวรับและแนวต้านที่ชัดเจน การลงทุนในทองคำแท่งควรพิจารณาเป็นการเก็งกำไรระยะสั้น เนื่องจากกรอบการเคลื่อนไหวของราคาค่อนข้างแคบ 

2. ปัจจัยเศรษฐกิจที่ส่งผลต่อราคาทองคำ: 

    – การแข็งค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐ: ดัชนีดอลลาร์สหรัฐ (USD Index) ปรับตัวขึ้นอยู่ที่ 105.6 

    – อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี: ปรับตัวเพิ่มขึ้นถึง 84.24% 

    – ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (Consumer Confidence Index): ปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ 100.4 แต่ยังคงสูงกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ที่ 100 

3. กองทุน SPDR: 

    – ไม่มีการเปลี่ยนแปลงในการถือครองทองคำ 

4. ตัวเลขเศรษฐกิจที่ต้องติดตาม: 

    – ยอดขายบ้านใหม่ (New Home Sales) เดือนพฤษภาคม ซึ่งตลาดประเมินว่าจะเพิ่มขึ้นเล็กน้อยเป็น 636,000 ยูนิต 

    – GDP พื้นฐาน (GDP Base) และตัวเลขเงินเฟ้อ PCE (Personal Consumption Expenditures) ในวันศุกร์ที่จะถึงนี้ 

ราคาทองคำในประเทศไทย 

– ราคาทองคำแท่งของสมาคมค้าทองคำปรับเปลี่ยน 5 ครั้งเมื่อวานนี้ ขายออกที่ราคา 40,500 บาท เพิ่มขึ้น 50 บาท 

– แนวรับ: 40,300 บาท และ 40,200 บาท 

– แนวต้าน: 40,500 บาท และ 40,600 บาท 

คำแนะนำสำหรับการลงทุนในทองคำแท่งคือการเก็งกำไรระยะสั้น โดยแนะนำให้ซื้อที่แนวรับ 40,200 บาท และ 40,300 บาท และขายทำกำไรที่ 40,500 บาท และ 40,600 บาท 

ค่าเงินบาท 

– ค่าเงินบาทอ่อนค่าลง 8 สตางค์อยู่ที่ประมาณ 36.70 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ 

– แนวรับ: 36.50 บาท 

– แนวต้าน: 36.90 บาท 

ค่าเงินบาทมีแนวโน้มอ่อนค่าลงต่อเนื่อง เนื่องจากการแข็งค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐ และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐที่ปรับตัวสูงขึ้น แนะนำให้เทรดดิ้งตามกรอบ โดยเข้าไปซื้อที่ 36.50 บาท และขายทำกำไรที่ 36.80-36.90 บาท 

การวิเคราะห์ตลาดฟิวเจอร์ส 

โกลด์ฟิวเจอร์ส (Gold Futures) เดือนมิถุนายน: 

    – เก็งกำไรฝั่งซื้อที่ราคา 2,315 ดอลลาร์ 

    – ตัดขาดทุนที่ราคา 2,305 ดอลลาร์ 

ยูเอสดีฟิวเจอร์ส (USD Futures): 

    – เก็งกำไรฝั่งซื้อที่ราคา 36.50 บาท 

    – ขายทำกำไรที่ 36.80-36.90 บาท 

การลงทุนในตลาดฟิวเจอร์สควรพิจารณาตามกรอบแนวรับแนวต้านและตั้งจุดตัดขาดทุนให้เหมาะสมเพื่อลดความเสี่ยงในการลงทุน 

เรียบเรียงโดย : บ่าวหัวเสือ 

ร่วมแสดงความคิดเห็น