ออกกำลังกายเป็นนิสัย
🧠ห่างไกลโรคหลอดเลือดสมอง
❓ทำไมต้องใส่ใจ “โรคหลอดเลือดสมอง”
โรคหลอดเลือดสมองยังคงเป็นหนึ่งในสาเหตุการเสียชีวิตและความพิการอันดับต้น ๆ ของคนไทย โดยมีผู้ป่วยรายใหม่ถึง 300,000 รายต่อปี และอัตราการเสียชีวิตทั่วประเทศอยู่ที่ประมาณ 7.07% ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์มาตรฐานเล็กน้อย
🔸โรคนี้สามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลัก
1. โรคหลอดเลือดสมองตีบหรืออุดตัน เกิดจากลิ่มเลือดหรือคราบไขมันอุดตันในเส้นเลือดสมอง
2. โรคหลอดเลือดสมองแตก เกิดจากเส้นเลือดในสมองแตก ทำให้เลือดไหลออกภายในสมอง ซึ่งมักมีความรุนแรงมากกว่า
⚠️ปัจจัยเสี่ยงที่ควรระวัง
ปัจจัยเสี่ยงที่ “เปลี่ยนแปลงไม่ได้”
• อายุที่มากขึ้น
• เพศชายมีแนวโน้มสูงกว่า
• เชื้อชาติ
ปัจจัยเสี่ยงที่ “สามารถป้องกันได้”
1. ความดันโลหิตสูง
2. เบาหวาน
3. ไขมันในเลือดสูง
4. โรคหัวใจบางชนิด
5. การสูบบุหรี่/ควันบุหรี่มือสอง
6. โรคอ้วน
7. การดื่มแอลกอฮอล์
‼️อาการเตือนของโรคหลอดเลือดสมอง (พูดลำบาก ปากตก ยกไม่ขึ้น)
1. พูดลำบาก พูดไม่ชัด พูดไม่ได้ สับสน
2. ปากตก ใบหน้าเบี้ยว มุมปากตก
3. ยกไม่ขึ้น แขนขาอ่อนแรงข้างใดข้างหนึ่ง
หากพบอาการเหล่านี้ ควรรีบพาผู้ป่วยไปโรงพยาบาลทันที หรือโทร 1669 เพื่อให้ถึงมือแพทย์โดยเร็ว
❇️แนวทางการรักษา
- โรคหลอดเลือดสมองตีบ อุดตัน
• ใช้ยา ละลายลิ่มเลือด ภายใน 4.5 ชั่วโมงหลังมีอาการ
• การรักษาผ่านสายสวนหลอดเลือด (ลากลิ่มเลือดออก) ได้ถึง 24 ชั่วโมงในบางกรณี - โรคหลอดเลือดสมองแตก
• ส่วนใหญ่อาจต้อง ผ่าตัด เพื่อนำเลือดออก และลดความดันในสมอง
🔸ผลกระทบระยะยาวหลังเป็น Stroke
• 30% กลับมาใกล้เคียงปกติ
• 30% มีความพิการเล็กน้อย
• 30% มีความพิการมาก ต้องใช้เครื่องช่วย เช่น ไม้เท้าหรือรถเข็น
• 10% เสียชีวิต
การออกกำลังกายเป็นหนึ่งในวิธีที่ดีที่สุดในการลดความเสี่ยงของโรคหลอดเลือดสมอง โดยเฉพาะเมื่อทำควบคู่กับการควบคุมปัจจัยเสี่ยงอื่น ๆ เช่น ความดัน เบาหวาน และไขมันในเลือด
❇️ข้อแนะนำในการออกกำลังกาย
• ออกกำลังกายระดับ ปานกลาง (เช่น เดินเร็ว ปั่นจักรยาน ชกมวยเบา ๆ)
• ควรทำอย่างน้อย 150 นาที/สัปดาห์ หรือ 30 นาที/วัน อย่างน้อย 5 วัน/สัปดาห์
• หากไม่เคยออกกำลังกายมาก่อน ให้เริ่มจากวันละ 10-20 นาที และค่อย ๆ เพิ่มขึ้น
สำหรับผู้ที่เคยเป็นโรคหลอดเลือดสมองแล้ว ควรมีแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญดูแลแผนการฟื้นฟู ซึ่งอาจรวมถึงการทำกายภาพบำบัด และกิจกรรมบำบัด
โรคหลอดเลือดสมองเป็น “ภัยเงียบ” ที่อาจเปลี่ยนชีวิตคุณหรือคนที่คุณรักได้ในพริบตา แต่สามารถป้องกันได้ด้วยการดูแลสุขภาพอย่างถูกต้อง
เริ่มต้นง่าย ๆ ด้วยการ ออกกำลังกายให้เป็นนิสัย และดูแลสุขภาพอย่างต่อเนื่อง เพราะแค่ “ขยับ” ก็ “ห่างไกล Stroke” ได้มากกว่าที่คุณคิด
ขอบคุณข้อมูลจาก : ผศ.นพ.กิตติ เทียนขาว ผู้ช่วยคณบดีและอาจารย์ประจำหน่วยประสาทวิทยา ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
เรียบเรียง : นางสาวนันทพร ระบิน
ภาพ / ข่าว : งานสื่อสารองค์กร คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
ติดตามผ่านทาง Facebook : https://cmu.to/lVTV5
#ออกกำลังกาย #ห่างไกลสโตรก #Stroke #สุขภาพดีกับหมอสวนดอก #MedCMU #คณะแพทยศาสตร์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ #แพทย์เชียงใหม่ #แพทย์มช #หมอสวนดอก #โรงพยาบาลสวนดอก #Medcmuในมือคุณ #สื่อสารองค์กรMedcmu
ร่วมแสดงความคิดเห็น