เมื่อวันที่ 23 พ.ย.62 เวลา 09.30 น.ผู้สื่อข่าวรายงานว่าที่บริเวณพระสถูปพระเจ้าอินทวิชยานนท์ ยอดดอยอินทนนท์ อำเภอจอมทอง จังหวัดเชียงใหม่ นายเจริญฤทธิ์ สงวนสัตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ได้มอบหมายให้นายสำเริง ชัยเสน รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ (แทน) เป็นประธานในพิธีงานประเพณีไหว้สาพระเจ้าอินทวิชยานนท์ ประจำปี 2563 โดย มีเจ้าภาคินัย ณ เชียงใหม่พร้อมด้วยคณะทายาทเจ้านายฝ่ายเหนือ ร่วมกับ มูลนิธิพระสถูปพระเจ้าอินทวิชยานนท์ อำเภอจอมทอง สภาวัฒนธรรมจังหวัดเชียงใหม่ สภาวัฒนธรรมอำจอมทอง และอุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ และหน่วยงานในพื้นที่ ร่วมกันจัดขึ้น เพื่อบวงสรวงดวงพระวิญญาณพระเจ้าอินทวิชยานนท์ เจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่องค์ที่ 8 ครบรอบ123 ปี ซึ่งปีนี้จัดขึ้น เพื่อบวงสรวงดวงพระวิญญาณของพระเจ้าอินทวิชยานนท์ และเทิดพระเกียรติ รำลึกถึงคุณงามความดีของพระองค์ที่ได้สร้างประโยชน์สุขไว้ให้แก่ชาวเชียงใหม่
ภายในงานมีการจัดแสดงนิทรรศการเกี่ยวกับพระเจ้าอินทวิชยานนท์ ขบวนแห่พานพุ่มดอกไม้และเครื่องสักการะ ของคณะทายาทเจ้านายฝ่ายเหนือและหน่วยงานต่าง ๆ อย่างยิ่งใหญ่ตระการตา การกล่าวเฉลิมพระเกียรติ ฯ เพื่อเป็นการแสดงความกตัญญูต่อเจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่ในอดีตอย่างยิ่งใหญ่ การฟ้อนเล็บ ฟ้อนเสน่ห์สาวเวียงพิงค์ ฟ้อนเจ้าดารารัศมีถวาย การทอดผ้าบังสุกุล การถวายปัจจัยไทยธรรม และการถวายดอกไม้เครื่องสักการะ ไหว้สาดวงวิญญาณพระเจ้าอินทวิชยานนท์ วันที่ 23 พฤศจิกายน ของทุกปี เป็นวันคล้ายวันถึงแก่พิราลัยของ พระเจ้าอินทวิชยานนท์ โดยปีนี้มีประชาชน ตลอดจนนักท่องเที่ยวมาร่วมในกิจกรรมจำนวนมาก
ประวัตโดยย่อ พระเจ้าอินทวิชยานนท์ เดิมชื่อ อินทนนท์ เป็นบุตรของพระเจ้ามหาพรหมคำคง และแม่เจ้าคำหล้า ขึ้นครองนครเชียงใหม่ เมื่อปี พ.ศ.2413 เป็นเจ้าหลวงเชียงใหม่ องค์ที่ 7 แห่งราชวงศ์ทิพย์จักราธิวงศ์ ทรงดำรง พระอิสริยยศเป็นพระเจ้าเมืองประเทศราชองค์สุดท้าย และเป็นพระราชบิดาในพระราชชายาเจ้าดารารัศมี พระราชชายาในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ด้วยความจงรักภักดีที่ทรงถวายต่อพระบรมราชวงศ์จักรี จึงได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ พระราชทานเครื่องขัตติยราชอิสริยาภรณ์ ซึ่งนับว่าเป็นการถวาย พระเกียรตินับเนื่องเป็นพระบรมวงศานุวงศ์ชั้นผู้ใหญ่ในพระบรมราชวงศ์จักรี และพระเจ้าเมืองประเทศราชเพียงพระองค์เดียวในประวัติศาสตร์ที่ได้รับพระราชทานและยกย่องพระเกียรติยศดังกล่าว
ทรงครองนครเชียงใหม่จนกระทั่งถึงแก่พิราลัยในวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ.2440 ด้วยโรคชรา รวมระยะเวลา 24 ปี ภายหลังเสด็จพิราลัย พระอัฐิส่วนหนึ่งได้เชิญไปประดิษฐาน ณ พระสถูปพระอัฐิในกู่เจ้านายฝ่ายเหนือ วัดสวนดอก พระอารามหลวง และอีกส่วนหนึ่งอัญเชิญไปประดิษฐาน ณ พระสถูปบนยอดดอยอินทนนท์ อันเป็นสถานที่ซึ่งพระองค์ทรงรักและหวงแหนมากที่สุด และได้นามตามพระนามของพระองค์ด้วยพระองค์มีความหวงแหนป่าไม้มาก โดยเฉพาะดอยหลวงแห่งนี้จึงได้รับสั่งไว้ว่า หากพระองค์ถึงแก่พิราลัยแล้วให้นำพระอังคารของพระองค์มาไว้ ณ ยอดดอยหลวงด้วย ครั้นเมื่อปี พ.ศ. 2440 พระเจ้าอินทวิชยานนท์ฯ ถึงแก่พิราลัยราชธิดาคือเจ้าดารารัศมี (ราชชายาในรัชกาลที่ 5) จึงได้อัญเชิญพระอังคารของพระเจ้าอินทวิชยานนท์ฯ มาประดิษฐาน ณ พระสถูปบนยอดดอยหลวง เพื่อเป็นที่สักการะบูชาของชาวเขา และประชาชนทั่วไปมาจนถึงวันนี้
ร่วมแสดงความคิดเห็น