กกร. และกรอ. เชียงใหม่จัดประชุมแผนพัฒนาเศรษฐกิจภาคเอกชน

วันที่ 30 มิถุนายน เวลา 08.30 น. ณ ห้อง D206 อาคาร D ชั้น 2 อาคารอำนวยการอุทยานวิทยาศาสตร์ภาคเหนือ(จังหวัดเชียงใหม่) คณะกรรมการ กกร. และ กรอ. จังหวัดเชียงใหม่ ได้จัดการประชุมเพื่อหารือการวิพากษ์ แผนพัฒนาเศรษฐกิจภาคเอกชนระดับภูมิภาค พ.ศ. 2566 – 2570 

โดยมีตัวแทนจากภาครัฐและเอกชนเข้าร่วมการประชุมครั้งนี้ อาทิ ผศ.ดร.เกษมศักดิ์ อุทัยชนะ รองผู้อำนาวยการอุทยานวิทยาศาสตร์ภาคเหนือ (จังหวัดเชียงใหม่) นางสาววรชนิศ ศรีวิชัย และ นางสาวเกศรัตน์ วิศวไพศาล นักวิเคราะห์นโยบายและแผนชำนาญการ สำนักงานปลัดกระทรวงอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) , นายเทพนิมิต สุทธินันท์ไชย ประธานสมาคมธนาคารไทย จังหวัดเชียงใหม่ , นายจักริน วังวิวัฒน์ ประธานอุตสาหกรรม จังหวัดเชียงใหม่ , นายจุลนิตย์ วังวิวัฒน์ ประธานหอการค้า จังหวัดเชียงใหม่ , นายอุดม ชิดนายีประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยว จังหวัดเชียงใหม่ , นายปิยะนันท์ มหานุภาพ จากสมาคมผู้ผลิตและผู้ส่งออกสินค้าหัตถกรรมภาคเหนือ , นายพงศ์กรณ์ แดงสกุล กรรมการเลขาธิการ สมาคมส่งเสริมพัฒนาผู้ประกอบการไทย จังหวัดเชียงใหม่ , นางนารีรัตน์ จันทรมังกร และ นายกุลทีป ศรีสกุลชวาลา อุปนายก สมาคมอสังหาริมทรัพย์ จังหวัดเชียงใหม่ , นายไพศาล สุขเจริญ นายกสมาคมโรงแรมไทยภาคเหนือ

สำหรับแผนพัฒนาเศรษฐกิจภาคเอกชนระดับภูมิภาค พ.ศ. 2566 – 2570 เริ่มต้นจากการลงนามบันทึกความตกลงความร่วมมือด้านการจัดทำแผนพัฒนาเศรษฐกิจเอกชนระดับภูมิภาคระหว่างกระทรวงอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) กับ คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน หรือ กกร. เมื่อวันที่ 31 มกราคม พ.ศง 2565 เพื่อเป็นยุทธศาสตร์ทางด้านเศรษฐกิจ สำหรับภาคเอกชนในพื้นที่ ให้มีทิศทางภารกิจและบทบาทไปในทางเดียวกัน และสอดคล้องกับแผนพัฒนาต่างๆ ในพื้นที่ดำเนินการทั่วประเทศ 

จากการประชุมระดมความคิดเห็น กกร. (จังหวัดเชียงใหม่) เมื่อวันที่ 9 และ 23 พฤษภาคมที่ผ่านมา ภาคเอกชนจึงได้กำหนดวิสัยทัศน์แผนพัฒนาเศรษฐกิจภาคเอกชนระดับภูมิภาค จังหวัดเชียงใหม่เป็น “เมืองแห่งเศรษฐกิจสร้างสรรค์บนฐานวัฒนธรรมล้านนา สู่การเป็นเมืองอัจฉริยะน่าอยู่และเติบโตอย่างยั่งยืน” พร้อม 3 ภารกิจ เพื่อจังหวัดเชียงใหม่ได้แก่ ภารกิจที่ 1 น่าลงทุน เพื่อส่งเสริมการลงทุนโครงการขนาดใหญ่และให้สิทธิประโยชน์ต่าง ๆ ในพื้นที่ ตามมาด้วยภารกิจที่ 2 น่าอยู่ เพื่อส่งเสริมการลงทุนโดยภาครัฐที่มีผลกระทบเชิงสังคมและเศรษฐกิจในวงกว้าง และสุดท้ายภารกิจที่ 3 น่าเที่ยว – เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวและการเติบโตทางเศรษฐกิจ เป็นต้น พร้อมทั้งได้ตั้งเป้าหมายภายในปี พ.ศ. 2570 จังหวัดเชียงใหม่จะมีมูลค่าผลิตภัณฑ์มวลรวมเพิ่มขึ้นเป็น 475,000 ล้านบาท และมีจำนวนคนจนด้านรายจ่ายลดลงให้เหลือเพียง 48,850 คน จากเดิมเมื่อปี พ.ศ. 2563 มีมูลค่าผลิตภัณฑ์มวลรวมอยู่ที่ 238,000 ล้านบาท และมีจำนวนคนจนด้านรายจ่ายลดลงให้เหลือเพียง 97,700 คน

จึงนำไปสู่การระดมความคิดวางแผนจัดตั้งโครงการสำคัญตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจ 42 โครงการ เป็นโครงการที่ต้องการรายละเอียดเพิ่มเติม (Project Canvas) ตามภารกิจของจังหวัดทั้ง 3 ภารกิจ เช่น โครงการศึกษาความเป็นได้รถไฟความเร็วสูงเส้นทางเชียงใหม่ – เชียงราย , โครงการศึกษาการพัฒนาผังเมืองให้เหมาะสมกับการลงทุน (เมืองเก่า – เมืองใหม่) ปรับพื้นที่สีเขียวเป็นสีเหลือง เพื่อสร้างมูลค่า , โครงการพัฒนาแผนยุทธศาสตร์ย่านนวัตกรรมการแพทย์และสุขภาพเชียงใหม่ , โครงการพัฒนาระบบบริการตรวจรักษาการแพทย์ทางไกล (Telemedicine) , โครงการจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการบูรณาการเครือข่ายร่วมภาครัฐ – เอกชน เพื่อแก้ไขปัญหาฝุ่นพิษและหมอกควันภาคเหนือ , โครงการระดมทุนแบบ Crowdfunding เพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหา PM 2.5 , โครงการส่งเสริมการลงทุนการใช้ยานยนต์ไฟฟ้า (EV) ในระบบขนส่งมวลชน และส่วนบุคคล , โครงการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพเชื่อมโยงบริการทางการแพทย์ , โครงการ 12 เดือน 12 เทศกาล และ โครงการส่งเสริมและสนับสนุนการท่องเที่ยวในพื้นที่ให้ได้รับมาตรฐานการท่องเที่ยวที่ยั่งยืน GSTC 

ซึ่งผลการประชุมครั้งนี้ ทุกฝ่ายได้มีความเห็นตรงกันที่จะแบ่งโครงการที่ต้องการรายละเอียดเพิ่มเติม (Project Canvas) ตามกลุ่มภารกิจพัฒนาจังหวัดเชียงใหม่ ทั้ง 3 ภารกิจ พร้อมทั้งเห็นชอบให้การแก้ไขปัญหา PM 2.5 เป็นวาระสำคัญและเร่งด่วนที่ต้องจัดการ โดยได้มีการมอบหมายให้ผู้แทนภาคเศรษฐกิจต่างๆ เป็นเจ้าภาพร่วมในการผลักดันการศึกษาและพัฒนาโครงการต่างๆ ต่อไป

นอกจากนี้ ภาคเอกชนยังได้ร้องเรียนปัญหาต่างๆ เช่น ภาษีทรัพย์สิน การประเมินราคาอาคาร ต้นทุนค่าใช้จ่ายด้านพลังงานที่เพิ่มขึ้น ให้ทาง กรอ.นำไปพิจารณาเพื่อส่งให้ทางส่วนกลางแก้ไขปัญหา รวมทั้งยังได้เสนอให้มีการตั้งศูนย์ข้อมูลทางเศรษฐกิจเชียงใหม่ เพื่อให้ง่ายต่อการดำเนินการศึกษาข้อมูลในการพัฒนาเศรษฐกิจของจังหวัด รวมทั้งการจัดตั้งคณะกรรมการทำงาน เพื่อติดตามความคืบหน้าของโครงการและแผนพัฒนาเศรษฐกิจ โดยจะมีการสรุปข้อมูลที่ได้จากการประชุมครั้งนี้เป็นเอกสารสรุป เพื่อจัดส่งกลับไปส่วนกลาง ก่อนจะมีการประชุมอีกครั้งในช่วงเดือนสิงหาคมที่จะถึงนี้ 

ร่วมแสดงความคิดเห็น