สถานการณ์เศรษฐกิจไทยปีนี้ ดูเหมือนจะไม่สดใสอย่างที่หลายคนคาดการณ์ไว้ เนื่องจากผลกระทบทางการเมืองในปัจจุบัน ที่ยังคงอยู่ในภาวะสุญญากาศ ไม่มีรัฐบาลชุดใหม่เข้ามาบริหาร
ข้อมูลการสำรวจความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการค้าปลีก ของสมาคมผู้ค้าปลีกไทย และธนาคารแห่งประเทศไทย แสดงให้เห็นว่า ช่วง 2 ไตรมาสแรกของปีที่ผ่านมา ดัชนีความเขื่อมั่นปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยไตรมาส 1/2566 ลดลง 13.5 จุด ขณะที่ไตรมาส 2/2566 ลดลงมาที่ 47 จุด ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยกลางที่ระดับ 50 จุด สะท้อนให้เห็นว่ากำลังซื้อของผู้บริโภคฐานรากยังอ่อนแอ ค่าครองชีพที่เพิ่มขึ้น ประกอบกับปัจจุบัน ยังไม่มีมาตรการกระตุ้นการจับจ่ายจากทางรัฐบาล กดดันให้ผู้บริโภคใช้จ่ายเฉพาะสินค้าที่จำเป็น
โดยนายฉัตรชัย ตวงรัตนพันธ์ รองประธานสมาคมผู้ค้าปลีกไทย กล่าวว่า สถานการณ์การใช้จ่ายของผู้บริโภคในช่วงเดือนพฤษภาคม – มิถุนายนที่ผ่านมา เริ่มชะลอตัว โดยมีปัจจัยสำคัญทั้งค่าไฟแพง รวมทั้งการเมืองในขณะนี้ ที่มีความล่าช้าในการจัดตั้งรัฐบาล ซึ่งกระทบต่อความเชื่อมั่นที่ลดลง และส่งผลต่อการใช้จ่ายของประชาชน ที่ชะลอตามไปด้วย
นอกจากนี้ นายวีรธรรม เสถียรธรรมะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซีเจ มอร์ จำกัด ได้รายงานว่า สถานการณ์ค้าปลีกในช่วงท้ายปี จะเผชิญกับความท้าทายมากขึ้น เนื่องจากภาวะเอลนีโญ ที่ส่งผลต่อการเกษตร รวมทั้งสถานการณ์ทางการเมือง ที่ส่งผลให้ทิศทางนโยบายทางการเงินไม่ชัดเจน ปัจจัยดังกล่าวได้ส่งผลให้ผู้บริโภคระมัดระวังในการใช้จ่ายมากขึ้น ถือเป็นความท้าทายของผู้ประกอบการที่จะต้องรับมือ
สำหรับสถานการณ์การค้าในภาคเหนือนั้น นางอมร พุฒิพิริยะ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ธนพิริยะ จำกัด (มหาชน) หรือ TNP จังหวัดเชียงราย รายงานว่า ภาพรวมกำลังซื้อในภาคเหนือ ยังไม่ดีเท่าที่ควร จากการที่เศรษฐกิจในปัจจุบันอยู่ในภาวะย่ำแย่ การท่องเที่ยวอยู่ในช่วงโลว์ซีซั่น รวมทั้งการเมืองในขณะนี้ทำให้ทุกอย่างนิ่ง
โดยปัจจุบัน มีเพียงพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ ที่การจับจ่ายใช้สอยยังคึกคักอยู่บ้าง จากนักท่องเที่ยวชาวจีน โดยคาดหวังว่าในช่วงไตรมาส 4 ของปี ภาวะการค้าจะดีขึ้นตามสถานการณ์ทางการเมือง เนื่องจากเศรษฐกิจในขณะนี้ ไม่สามารถดีขึ้นด้วยตัวมันเอง ยังต้องอาศัยเงินกระตุ้นจากภาครัฐเข้าช่วย
ที่มา :

ร่วมแสดงความคิดเห็น