เปิดรายชื่อพืช 57 ชนิด ปลูกแค่ไหน ต้องจ่ายภาษีที่ดินปีหน้า

รู้หรือไม่ วันที่ 1 มีนาคม พ.ศ. 2567 นี้ จะมีการบังคับใช้เกณฑ์การใช้ที่ดินแบบใหม่ เพื่อเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ซึ่งเพื่อป้องกันการแอบอ้างการทำเกษตรกรรมเพื่อลดภาษี ได้มีการกำหนดสัดส่วนใหม่ในการปลูกพืชเอาไว้แล้ว

โดยภาษีที่ดินนั้น หรือชื่อเต็มคือ ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง เป็นภาษีที่จัดเก็บรายปีตามมูลค่าที่ดินและสิ่งปลูกสร้างที่ครอบครอง โดยมีองค์การปกครองส่วนท้องถิ่น เป็นหน่วยงานที่รับผิดชอบในการจัดเก็บ และเริ่มบังคับใช้ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2562 

ก่อนหน้านี้ หลายท่านอาจจะทราบถึงข่าวคราวของการปลูกพืชในที่ดินเปล่า เพื่อแอบอ้างการทำเกษตรสำหรับการลดหย่อนภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง เนื่องจากอัตราภาษีในส่วนของผู้ใช้ที่ดินสำหรับการเกษตรมีอัตราต่ำสุด โดยได้กลายเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์เป็นวงกว้าง

ซึ่งอัตราภาษีที่ดินที่กำหนด สำหรับการประกอบเกษตรกรรม ตามมูลค่าที่ดิน มีดังต่อไปนี้

0-75 ล้านบาท เสียภาษีในอัตรา 0.01% หรือคิดเป็นล้านละ 100 บาท

75-100 ล้านบาท เสียภาษีในอัตรา 0.03% หรือคิดเป็นล้านละ 300 บาท

100-500 ล้านบาท เสียภาษีในอัตรา 0.05% หรือคิดเป็นล้านละ 500 บาท

500-1,000 ล้านบาท เสียภาษีในอัตรา 0.07% หรือคิดเป็นล้านละ 700 บาท

1,000 ล้านบาทขึ้นไป เสียภาษีในอัตรา 0.1% หรือคิดเป็นล้านละ 1,000 บาท

โดยหาดเป็นที่ดินเปล่ารกร้างไม่ได้ใช้ประโยชน์ใดๆ จะต้องเสียภาษีในอัตราตามเรตราคาที่ดิน ดังนี้

0-50 ล้านบาท เสียภาษีในอัตรา 0.3% หรือคิดเป็นล้านละ 3,000 บาท

50-200 ล้านบาท เสียภาษีในอัตรา 0.4% หรือคิดเป็นล้านละ 4,000 บาท

200-1,000 ล้านบาท เสียภาษีในอัตรา 0.5% หรือคิดเป็นล้านละ 5,000 บาท

1,000-5,000 ล้านบาท เสียภาษีในอัตรา 0.6% หรือคิดเป็นล้านละ 6,000 บาท

5,000 ล้านบาทขึ้นไป เสียภาษีในอัตรา 0.7% หรือคิดเป็นล้านละ 7,000 บาท

แต่ล่าสุด ได้มีประกาศราชกิจจานุเบกษา เล่มที่ 140 ตอนพิเศษ 55 ง ลงวันที่ 10 มีนาคม 2566 ระบุว่าตามที่กระทรวงการคลังและกระทรวงมหาดไทยได้มีการประกาศหลักเกณฑ์การใช้ประโยชน์ในการประกอบกิจกรรม (ฉบับที่ 2) ขึ้นมาใหม่ เพื่อใช้แทนประกาศเดิมที่ออกเมื่อ ปี 2563 

โดยกำหนดการใช้ประโยชน์ในการประกอบเกษตรกรรมที่มีพืช ชนิดสัตว์ หรือลักษณะการใช้ประโยชน์ในที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างตามที่ปรากฏในประกาศบัญชีแนบท้าย ก. โดยระบุรายชื่อรวมทั้งหมด 57 ชานิด กำหนดไว้ในอัตราตั้งแต่ 20 ไปจนถึง 400 ต้นต่อไร่ ซึ่งจะต้องทำการเกษตรให้ได้ในอัตราขั้นต่ำตามที่กำหนดไว้ จึงจะถือว่าเป็นการใช้ประโยชน์ในการทำเกษตรกรรม ส่วนพืชที่ไม่ได้อยู่ในรายชื่อบัญชี ให้ใช้อัตราขั้นต่ำของการประกอบเกษตรกรรมต่อไร่ โดยเทียบเคียงลักษณะพืนที่มีลักษณะใกล้เคียง 

หรือพิจารณาตามลักษณะการเกษตรในแต่ละพื้นที่

สำหรับรายชื่อพืช 57 ชนิด ที่เข้าเกณฑ์ต้องจ่ายภาษีที่ดิน มีดังนั้

กล้วยหอม 200 ต้นต่อไร่

กล้วยไข่ 200 ต้นต่อไร่

กล้วยน้ำว้า 200 ต้นต่อไร่

กระท้อนเปรี้ยว (พันธุ์ทับทิม/ปุยฝ้าย) 25 ต้นต่อไร่

กาแฟ 170 ต้นต่อไร่

กาแฟโรบัสต้า 170 ต้นต่อไร่

กาแฟพันธุ์อราบิก้า 400 ต้นต่อไร่

กานพลู 20 ต้นต่อไร่

กระวาน 100 ต้นต่อไร่

โกโก้ 150-170 ต้นต่อไร่

ขนุน 25 ต้นต่อไร่

เงาะ 20 ต้นต่อไร่

จำปาดะ 25 ต้นต่อไร่

จันทน์เทศ 25 ต้นต่อไร่

ชมพู่ 45 ต้นต่อไร่

ทุเรียน 20 ต้นต่อไร่

ท้อ 45 ต้นต่อไร่

น้อยหน่า 170 ต้นต่อไร่

นุ่น 25 ต้นต่อไร่

บ๊วย 45 ต้นต่อไร่

ปาล์มน้ำมัน 22 ต้นต่อไร่

ฝรั่ง 45 ต้นต่อไร่

พุทรา 80 ต้นต่อไร่

เสาวรส 400 ต้นต่อไร่

พริกไทย 400 ต้นตาอไร่

พลู 100 ต้นต่อไร่

มะม่วง 20 ต้นต่อไร่

มะพร้าวแก่ 20 ต้นต่อไร่

มะพร้าวอ่อน 20 ต้นต่อไร่

มะม่วงหิมพานต์ 45 ต้นต่อไร่

มะละกอยกร่อง 100 ต้นต่อไร่

มะละกอไม่ยกร่อง 175 ต้นต่อไร่

มะนาว 50 ต้นต่อไร่

มะปราง 25 ต้นต่อไร่

มะขามเปรี้ยว 25 ต้นต่อไร่

มะขามหวาน 25 ต้นต่อไร่

มังคุด 16 ต้นต่อไร่

ยางพารา 80 ต้นต่อไร่

ลิ้นจี่ 20 ต้นต่อไร่

ลำไย 20 ต้นต่อไร่

ละมุด 45 ต้นต่อไร่

ลางสาด 45 ต้นต่อไร่

ลองกอง 45 ต้นต่อไร่

ส้มโอ 45 ต้นต่อไร่

ส้มเกลี้ยง 45 ต้นต่อไร่

สัมตรา 45 ต้นต่อไร่

ส้มเขียวหวาน 45 ต้นต่อไร่

ส้มจุก 45 ต้นต่อไร่

สาลี่ 45 ต้นต่อไร่

สะตอ 25 ต้นต่อไร่

หน่อไม้ไผ่ตง 25 ต้นต่อไร่

หมาก 100-170 ต้นต่อไร่

หม่อน 35 ต้นต่อไร่

องุ่น 35 ต้นต่อไร่

แก้วมังกร 35 ต้นต่อไร่

แอปเปิล 35 ต้นต่อไร่

อะโวคาโด 35 ต้นต่อไร่

อินทผลัม 35 ต้นต่อไร่

ยูคาลิปตัส 35 ต้นต่อไร่

พืชกลุ่มให้เหนือ 30 ต้นต่อไร่

หากเกษตรกรหรือผู้สนใจท่านใด ต้องการปลูกพืชเพื่อลดภาษีที่ดิน ควรจะต้องศึกษาหลักเกณฑ์ภาษีให้ดีก่อน เพื่อที่จะไม่เกิดปัญหาย้อนหลังขึ้นมา 

ที่มา : ประชาชาติธุรกิจ , itax

ร่วมแสดงความคิดเห็น