ก.พ.ร.จัดประชุมจัดการไฟป่า และแก้ไขปัญ หา PM 2.5

วันที่ 24 สิงหาคม ที่ผ่านมา ณ ห้องดอยหลวง ชั้น 2 โรงแรม Kantary Hills จังหวัดเชียงใหม่ ได้มีการจัดการประชุมเรื่อง การบริหารจัดการไฟในพื้นที่ป่าไม้ เพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหามลพิษด้านฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM 2.5) ในพื้นที่ปฏิบัติการนวัตกรรมภาครัฐ (Government Innovation Lab) ได้แก่ อุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ –  ปุย และอำเภอแม่แจ่ม จังหวัดเชียงใหม่ หลังจากที่ก่อนหน้านี้ในช่วงเช้าของวันเดียวกัน ผู้เข้าร่วมประชุมได้เดินทางลงพื้นที่ บ้านม้งดอยปุย อุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ – ปุย เพื่อติดตามการดำเนินการ

ซึ่งภายในงานได้มีผู้เข้าร่วมประชุมจากหลายฝ่าย เพื่อร่วมหาทางออกในการแก้ปัญหาไฟป่าและ PM 2.5 ซึ่งกลายเป็นปัญหาสำคัญที่กระทบต่อประชาชน ในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ โดยผู้เข้าร่วมการประชุมครั้งนี้ ได้แก่ นายบัณฑูร เศรษฐศิโรตม์ ประธาน อ.ก.พ.ร. ส่งเสริมภาครัฐระบบเปิดและการมีส่วนร่วม ดร.ปิ่นสักก์ สุรัสวดี อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ เป็นต้น

สำหรับโครงการพื้นที่ปฏิบัติการนวัตกรรมภาครัฐ (Government Innovation Lab)  เป็นการดำเนินการทดลองแนวทางการแก้ไขปัญหา โดยมีองค์การปกครองส่วนท้องถิ่นเป็นแกนนำหลักในการดำเนินการ และมีราชการส่วนกลางสนับสนุน เพื่อที่จะสามารถแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างยั่งยืน ไม่เพียงแค่แก้ไขในแต่ละช่วงฤดูกาลเท่านั้น

ประกอบกับปัญหาที่เกิดขึ้น ทางหน่วยงานภาครัฐไม่สามารถรับมือได้เพียงแค่ฝ่ายเดียว รวมทั้งยังกระทบต่อภาคเศรษฐกิจสูงถึง ร้อยละ 5 ต่อ GDP ในแต่ละปี ส่งผลให้ภาครัฐมีความต้องการที่จะให้ภาคเอกชนเข้ามามีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น ทั้งความช่วยเหลือด้านทุน เทคโนโลยี รวมทั้งแนวทางการทำงานร่วมกันระหว่างภาครัฐ เอกชน และชุมชนท้องถิ่น 

โดยหลังจากที่ได้มีการนำร่องในพื้นที่จังหวัดสิงห์บุรี และลำปาง เมื่อ 2 ปีที่แล้ว จึงได้มีการขับเคลื่อนพื้นที่ปฏิบัติการนวัตกรรมภาครัฐในจังหวัดเชียงใหม่ บริเวณ 2 พื้นที่ ได้แก่ อุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ –  ปุย และอำเภอแม่แจ่ม โดยได้มีการลงนามคำสั่ง เมื่อวันที่ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2566 เพื่อแก้ปัญหาไฟป่า และฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 

สำหรับการประชุมครั้งนี้ ผู้เข้าร่วมประชุม เห็นชอบให้มีการจัดตั้งฐานข้อมูลและการทำ Big Data เพื่อรวบรวมข้อมูลด้านต่างๆ ที่จะสามารถนำมาวิเคราะห์แนวทางป้องกัน และแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นได้ รวมถึงการแก้ไขกฎระเบียบ ข้อบังคับต่างๆ เพื่ออำนวยความสะดวกในการแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างหน่วยงาน 

ซึ่งจะช่วยให้ทุกฝ่ายสามารถนำข้อมูลไปใช้ในการจัดการปัญหาในแต่ละพื้นที่ และส่งเสริมการทำงานร่วมกันระหว่างทุกฝ่ายได้ นอกจากนี้ ประเด็นการจัดสรรพื้นที่ทำกินแก่ประชาชน ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญที่หลายฝ่ายเร่งให้มีการแก้ไขอย่างเร่งด่วน เพื่อลดการบุกรุกพื้นที่ป่า และส่งเสริมให้ประชาชนในพื้นที่ มีที่ทำกินอย่างเป็นธรรม

ร่วมแสดงความคิดเห็น