ประเทศไทยได้รายงานว่า 20% ของการนำเข้าสินค้าคุณภาพต่ำ ที่ส่วนใหญ่มาจากประเทศจีน ลดลง ตั้งแต่ มาตรการยับยั้งการนำเข้าสินค้าคุณภาพต่ำของจีนที่กำลังทำลายเศรษฐกิจที่ใหญ่เป็นอันดับสองของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ได้เริ่มต้นขึ้น โฆษกของรัฐบาลกล่าวในวันจันทร์ที่ผ่านมา
สินค้าราคาถูกจากจีนได้สร้างความซบเซาให้กับการผลิตและธุรกิจท้องถิ่น ซึ่งเป็นผลมาจาก การปิดตัวของโรงงาน และ การเลิกจ้าง ร่วมด้วย โดยภาคธุรกิจในประเทศเรียกร้องให้รัฐบาลช่วย
โฆษกของรัฐบาล ศศิกานต์ วัฒนะจันทร์ กล่าว ว่าหลังจากการออกกฎระเบียบที่เข้มงวดขึ้น และ การตรวจสอบในเดือนกรกฎาคม มูลค่าการนำเข้าสินค้าราคาถูกลดลงอย่างมีนัยสำคัญ มาตรการได้เริ่มต้นขึ้นเพื่อทำลายการนำเข้าที่ไม่ได้คุณภาพตามมาตรฐานของท้องถิ่น โดยมุ่งเน้นไปที่ สินค้า การเกษตร การบริโภค และ อุตสาหกรรม เธอกล่าวกับ Reuters
รัฐบาลยังยึด 506 ล้านบาท จากการนำเข้าสินค้าปลอม เสื้อ รองเท้า และ บุหรี่ไฟฟ้า จากการรายงานของทางการ
นอกจากนี้ ประเทศไทยเริ่มต้นการเรียกเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม 7% ในเดือนกรกฎาคม ในสินค้าที่มีราคาต่ำกว่า 1,500 บาท ในตอนนี้ กระทรวงการคลังกล่าวว่า เก็บเงินเพิ่มได้ถึง 707 ล้านบาทแล้ว
การเก็บภาษีไม่ได้มีผลกระทบต่อผู้บริโภค เนื่องจากการนำเข้ายังคงดำเนินต่อไป เจ้าหน้าที่ศุลกากรอาวุโส กิจจาลักษณ์ ศรีนุชศาสตร์ กล่าว
การนำเข้าสินค้าราคาต่ำกว่า 1,500 บาท จากแพลตฟอร์มการค้าออนไลน์ เพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าจากปีก่อน พุ่งขึ้นไปถึง 113.7 ล้านหน่วย ตามข้อมูลของกรมศุลกากร ที่รายงานกับ Reuters ที่ยังไม่ได้รายงานต่อสาธารณะ
มูลค่าการนำเข้านั้นเท่ากับ 24.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 50.4% จากปีก่อน
แต่กับธุรกิจบางภาคส่วน มาตรการนี้อาจจะมาช้าเกินไป บัญจบ เพียรพานิชพร อายุ 56 ปี เจ้าของร้าน Ben’s Socks กล่าวว่า มาตรการนี้มาช้าเกินไป ยอดการขายของเขาจาก เดือนมิถุนายน ถึง ตุลาคม ตกลง 80%
“ลูกค้าส่วนใหญ่มาที่ร้านเพราะถุงเท้าราคาถูก 120 ถึง 130 บาทต่อ ถุงเท้า 1 โหล แต่ตอนนี้ลูกค้าหายไปหมดแล้ว เขาไปซื้อของจีนกันหมดแล้ว 75-85 บาท ต่อโหล หลังจากนั้นก็เอาไปขาย 10 บาทต่อคู่”
เจ้าหน้าที่รัฐ ศศิกานต์ กล่าวว่า จะมีมาตรการเพิ่มเติมเพื่อช่วยธุรกิจในประเทศไทย อย่างเช่นการบังคับให้ธุรกิจออนไลน์ในต่างประเทศร่วมมือกับประเทศไทย และ ลงทะเบียนเพื่อจ่าย ภาษีมูลค่าเพิ่ม
ร่วมแสดงความคิดเห็น