โครงการรักษามะเร็งถ้วนหน้าทำร้ายโรงพยาบาล

ผู้เชี่ยวชาญกำลังกระตุ้นสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ให้ทิ้งโครงการรักษามะเร็งถ้วนหน้า หลังจากพบกับปัญหาใหญ่หลายอย่าง ทำให้โรงพยาบาลต่างขาดทุนเนื่องจากตัวเลขผู้ป่วยที่มากเกินไป

เริ่มต้นในปี 2564 โครงการนี้อนุญาตให้ผู้ที่ลงทะเบียนอยู่ในระบบประกันสุขภาพถ้วนหน้า หรือ 30 บาทรักษาทุกโรค บัตรทอง ให้สามารถเลือกสถานที่ที่จะทำการรักษาได้

ในช่วงแรกผู้ป่วยสามารถขอรับการรักษาได้เพียงที่โรงพยาบาลหรือคลินิกที่ตัวเองลงทะเบียนไว้เพียงอย่างเดียว แต่ในขณะเดียวกันก็เกิดการล่าช้าของการรักษา เนื่องจากผู้ป่วยลงทะเบียนในโรงพยาบาลขนาดเล็ก หรือ โรงพยาบาลในพื้นที่นั้นไม่สามารถให้การรักษาโรคมะเร็งได้

ภายใต้โครงการรักษามะเร็งถ้วนหน้า ผู้ป่วยมะเร็งสามารถรับการรักษาที่โรงพยาบาลไหนก็ได้ที่ได้รับการลงทะเบียนกับ สปสช. และค่ารักษาทั้งหมดจะถูกจ่ายโดย กองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ผู้ป่วยเพียงแค่โชว์บัตรประชาชน ณ สถานที่ลงทะเบียนของโรงพยาบาลเพื่อใช้บริการ และโรงพยาบาลจะเบิกเงินค่าการรักษาจากกองทุนเอง

ก่อนหน้าที่โครงการจะเริ่มต้น หากคนไข้ต้องถูกส่งตัวไปที่โรงพยาบาลอื่น โรงพยาบาลที่ส่งตัวคนไข้นั้นต้องจ่ายค่ารักษาทั้งหมด

ตั้งแต่ที่โครงการเริ่มต้นขึ้น โรงพยาบาลต่างๆ มองเห็นการพุ่งสูงของจำนวนผู้ป่วยที่ต้องการการรักษา ทำให้โรงพยาบาลต้องแบกรับค่ารักษา

โรงพยาบาลเหล่านี้ คือ โรงพยาบาลใหญ่ทั้งหลาย เช่น โรงพยาบาลศิริราช, รามาธิบดี และ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ทำให้กองทุนต้องใช้เงินมากยิ่งขึ้นเพื่อครอบคลุมค่าใช้จ่าย

นั่นจึงเป็นเหตุให้ สปสช. เลือกที่จะปรับเปลี่ยนเงื่อนไขการชำระเงินที่จะจ่ายให้เฉพาะ การทำคีโม, ฉายรังสี, ผ่าตัด, การบำบัดด้วยฮอร์โมน เช่นเดียวกันกับ การทดลองในแล็บ และ การจ่ายยารักษาโรคมะเร็งโดยเฉพาะ ยาชนิดอื่นๆ อย่างเช่น ยาลดความดันโลหิต และ ยาแก้อาเจียน เช่นเดียวกับ ค่าบริการที่พักในโรงพยาบาล, อาหาร, เอกซเรย์ และ การตรวจเลือด จะไม่ถูกจ่ายโดยกองทุน การเปลี่ยนแปลงจะเริ่มต้นในวันที่ 1 มกราคม ปีหน้า

โรงพยาบาลที่กล่าวมาข้างต้นตอบกลับโดยการกล่าวว่าค่าธรรมเนียมการรักษาที่เกิดขึ้นจากผู้ป่วยมะเร็งที่ถูกส่งตัวมาจากโรงพยาบาลอื่นจะต้อง ถูกจ่ายโรงพยาบาลที่ส่งตัวผู้ป่วยมา

โรงพยาบาลอื่นๆกล่าวว่า สปสช. เปลี่ยนแปลงช้าเกินไป ในเรื่องของการคืนเงินค่ารักษาของผู้ป่วยมะเร็งที่ถูกส่งตัวมาจากโรงพยาบาลที่เล็กกว่าอื่นๆ 

ดร. สมศัก เทียนขาว ผู้อำนวยการโรงพยาบาล ศรีนครินทร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น กล่าวว่า สปสช. จ่ายเงินแค่ส่วนหนึ่งของค่ารักษา ในบางกรณี สปสช. ไม่จ่ายเงินเลยด้วยซ้ำ

โรงพยาบาลต้องแบกรับค่าใช้จ่ายมามากกว่า 3 ปี โดยกล่าวอีกว่า โครงการรักษามะเร็งถ้วนหน้านี้ทำให้ผู้ป่วยล้นโรงพยาบาลและทำให้ไม่สามารถให้บริการที่เหมาะสมแก่ผู้ป่วยทุกคนได้

ตอนเริ่มต้นโครงการในปี 2564 ตัวเลขของผู้ป่วยมะเร็งในโรงพยาบาลอยู่ที่ 3,617 ตัวเลขนั้นพุ่งสูงขึ้นอย่างน่าตกใจไปที่ 16,514 คนในปี 2565 และ 25,896 คนในปี 2566 และ 30,241 คนในปีนี้ หรือ เพิ่มขึ้น 830%

ดังนั้น สปสช. และ กระทรวงสาธารณสุขควรจะหยุดโครงการนี้ และ เปลี่ยนกลับไปใช้ระบบเก่า เพราะว่าโรงพยาบาลประจำจังหวัด  หรือ โรงพยาบาลระดับภูมิภาคนั้นมีจำนวนในการรับรักษาผู้ป่วยมะเร็งจำกัด

ที่มา: https://www.bangkokpost.com/thailand/general/2920195/cancer-anywhere-scheme-hurting-hospitals

ร่วมแสดงความคิดเห็น