เงินบาทอ่อนค่าปี68 เพราะสหรัฐปรับนโยบายภาษี

เงินบาทถูกคาดว่าจะอ่อนค่าลงและมีมูลค่าไปจบลงที่ 34.50 ต่อ ดอลลาร์สหรัฐ ก่อนที่จะเพิ่มขึ้นเป็น 35.50 ต่อดอลลาร์สหรัฐในปีหน้า เนื่องจากนโยบายใหม่ของสหรัฐที่กดดันเงินหยวนในปีหน้า กล่าวโดย ศูนย์วิจัย กสิกร (K-Research)

เงินสกุลบาทของไทยมีมูลค่าลดลงไปในไตรมาสนี้เหลือ 34.61 ต่อ ดอลลาร์สหรัฐในการตลาดการแลกเปลี่ยนเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา เทียบกับมูลค่าเมื่อตลาดปิดในวันพุธที่ 34.20 ขณะที่ค่าเงินดอลลาร์และพันธบัตรสหรัฐแข็งแกร่งขึ้น เนื่องจากการลดอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐเพียงชั่วข้ามคืน 25 จุดพื้นฐาน

นโยบายการเงินของคณะกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทย เลือกที่จะไม่ปรับเปลี่ยนอัตราดอกเบี้ย และคงไว้ที่ 2.25% ในวันพุธ

“แม้ว่าธนาคารกลางสหรัฐจะลดอัตราดอกเบี้ยให้อยู่ที่ 4.25-4.50 ระดับต่ำสุดในรอบ 2 ปี อย่างที่ตลาดต่างๆ ต่างคาดการณ์เอาไว้ การแถลงการณ์ที่แข็งกร้าวจากธนาคารกลางและการคาดการณ์ที่เป็นไปในทางที่ดีขึ้นของธนาคารกลางสหรัฐเกี่ยวกับเศรษฐกิจภายในประเทศ กระตุ้นความต้องการของเงินดอลลาร์ ทำให้สกุลเงินต่างๆของเอเชีย รวมถึงเงินบาทต่อเงินดอลลาร์อ่อนค่าลง” กาญจนา โชคไพศาลศิลป์ หัวหน้าทีมวิจัย ภาคการธนาคารและการเงิน กล่าว

ธนาคารกลางสหรัฐคาดการณ์ว่าจะลดอัตราดอกเบี้ยเหลือเพียง 2 ครั้งในปีหน้า จาก 4 ครั้ง ที่คาดการณ์ไว้เมือเดือนกันยายน ในประเทศไทยตามการคาดการณ์ของตลาด จะมีการลดอัตราดอกเบี้ย 2 ครั้ง ในปีหน้า คุณ กาญจนา กล่าว

แนวโน้มการสนับสนุนเงินดอลลาร์ส่งผลให้เงินดอลลาร์แข็งแกร่งขึ้น กดดันให้เงินบาทยังคงเสื่อมค่าต่อเงินดอลลาร์ต่อไป คุณ กาญจนา กล่าวกับ Bangkok Post และยังเสริมอีกว่า ศูนย์วิจัยของธนาคารกสิกรยังคงคาดการณ์อัตราแลกเปลี่ยนของเงินบาทไว้ที่ 34.50 บาทต่อ ดอลลาร์ในสิ้นปีนี้

ค่าเงินบาทอ่อนตัวลง 1.2% นับตั้งแต่ต้นปี จาก 34.14 บาทต่อดอลลาร์ ในท้ายปีของปี 2566 เงินหยวนลดลง 2.7% และเงินเยนลดลง 9.3% ในช่วงเดียวกัน เงินวอนของเกาหลีใต้มีมูลค่าลดลงกว่า 11% ใน ขณะที่ เงินริงกิตของ มาเลเซีย เป็นสกุลเงินเดียวในทวีปเอเชียที่มีมูลค่าเพิ่มขึ้น 2%

ในปีหน้า คุณ กาญจนา กล่าวว่ามูลค่าของเงินหยวนมีแนวโน้มจะลดลงตามสกุลเงินอื่นๆ เนื่องจาก เศรษฐกิจในประเทศที่ชะลอตัวลง ทางการจีนกล่าวว่าพวกเขากำลังพิจารณายอมให้เงินหยวนอ่อนค่าลงในปีหน้า เพราะต้องการที่จะรับมือกับนโยบายภาษีศุลกากรของสหรัฐ

การวิจัยของธนาคารกสิกร คาดการณ์ว่าเงินบาทจะถูกกดดันจากเงินหยวน โดยจะมีมูลค่า 35.50 ต่อ ดอลลาร์ ในช่วงท้ายของปี 2568

มูลค่าของทองลดลงเข้าใกล้ 2,600 ดอลลาร์ ต่อ ออนซ์ ในขณะที่ บิตคอยน์ราคายังคงที่ ที่ 100,000 ดอลลาร์

พิพัฒน์ เหลืองนฤมิตชัย นักเศรษฐศาสตร์เอเชียรุ่นใหม่ ที่บริษัทหลักทรัพย์ บีโอเอฟเอ คาดการณ์ว่าอัตราดอกเบี้ย 25 จุดพื้นฐาน จะถูกลดลงโดยธนาคารแห่งประเทศไทยในปีหน้า เริ่มตั้งแต่ไตรมาสที่ 2 โดยลดลงมาอยู่ในระดับเดียวกับ ปี 2558 ถึงปี 2561

“เรายังคงมีมุมมองต่อนโยบายของธนาคารแห่งประเทศไทยว่าเข้มงวดเกินไป พิจารณาจากอัตราเงินเฟ้อ การลดอัตราดอกเบี้ยจะส่งผลให้ดัชนีภาวะการเงินบรรเทาลง การเติบโตของสินเชื่อหดตัว คุณภาพสินทรัพย์เพิ่มขึ้น และอุปสงค์ภายในประเทศอ่อนลง” คุณ พิพัฒน์ กล่าว

ที่มา: https://www.bangkokpost.com/business/general/2923491/baht-to-weaken-next-year-amid-us-tariffs

ร่วมแสดงความคิดเห็น