รองประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ถูกถอดถอน

ซารา ดูเตอร์เต รองประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ ถูกถอดถอนในวันพุธที่ผ่านมา เนื่องจากถูกกล่าวหาในเรื่องการวางแผนลอบสังหารประธานาธิบดี และ การคอรัปชั่นขนาดใหญ่ นอกจากนี้เธอยังล้มเหลวในการประณามการกระทำที่ก้าวร้าวของจีนต่อกองกำลังฟิลิปปินส์ในทะเลจีนใต้ที่เป็นข้อพิพาทอย่างหนักแน่น

การเคลื่อนไหวของสมาชิกสภานิติบัญญัติในสภาผู้แทนราษฎร สส. หลายคนเลือกที่จะเป็นพันธมิตรกับ ประธานาธิบดี เฟอร์ดินานด์ มาร์กอส จูเนียร์ ซึ่งผู้นำสูงสุด 2 คนของระบอบประชาธิปไตยที่วุ่นวายที่สุดแห่งหนึ่งของเอเชียทำให้ความแตกแยกทางการเมืองรุนแรงยิ่งขึ้น

 มาร์กอส ได้เพิ่มความสัมพันธ์ทางการทหารกับประเทศพันธมิตรสนธิสัญญา สหรัฐอเมริกา ขณะที่พ่อของประธานาธิบดี โรดริโก ดูเตอร์เต สานสัมพันธ์อันดีกับจีน และ รัสเซีย ในระหว่างที่เขาเป็นประธานาธิบดีอยู่ ซึ่งสิ้นสุดลงเมื่อปี 2565

ซาร่า ดูเตอร์เต้ ไม่ได้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการถอดถอนของเธอทันที แต่พี่ชายของเธอ ส.ส.เปาโล ดูเตอร์เต กล่าวว่า “เป็นการกระทำข่มเหงทางการเมืองอย่างชัดเจน” ส.ส.คู่แข่งเร่งระดมลายเซ็นด่วน และ ผลักดัน “คดีฟ้องถอดถอนที่ไม่มูลความจริง” ให้ไปถึงวุฒิสภา

ดูเตอร์เต้ ได้กล่าวหา มาร์กอส ซ้ำไปซ้ำมาในเรื่องการคอรัปชั่นของ ภรรยา, ญาติ และ โฆษกของเขา มาร์ติน โรมูอัลเดซ นอกจากนี้ยังมีการกล่าวหาว่า ไม่มีความเป็นผู้นำ และ พยายามที่จะปิดปากเธอเนื่องจากเธออาจจะได้โอกาสเป็นประธานาธิบดีในสมัยหน้าในปี 2571 หลังจากที่มาร์กอสหมดวาระการดำรงตำแหน่ง 6 ปี

มีสมาชิกสภานิติบัญญัติอย่างน้อย 215 คน ลงนามในคำร้อง ที่สำคัญคือมีจำนวนของผู้ลงนามมากกว่าที่ต้องการซึ่งจะสามารถส่งคำร้องไปยังวุฒิสภาได้ทันที ซึ่งวุฒิสภาจะทำหน้าที่เป็นศาลที่จะพิจาราณาคดีของรองประธานาธิบดี เรจินัลด์ เวลาสโก เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า นี่จะเป็นการประชุมสภาเต็มคณะการประชุมสภาเต็มคณะในสมัยประชุมสุดท้ายก่อนปิดสมัยประชุมสี่เดือน

 ในบรรดาผู้ลงนามในคำร้องถอดถอนมีลูกชายของประธานาธิบดีด้วย สส. ซานโดร มาร์กอส และโรมูอัลเดซ คำร้องดังกล่าวเรียกร้องให้วุฒิสภาจัดการตัดสินคดี เพื่อตัดสินคดีของรองประธานาธิบดีด้วยตนเอง “ให้คำพิพากษาลงโทษ” ถอดเธอออกจากตำแหน่งและห้ามเธอดำรงตำแหน่งสาธารณะ

“การกระทำของดูเตอร์เต้ตลอดการดำรงตำแหน่งของเธอแสดงให้เห็นถึงความไม่ซื่อสัตย์อย่างร้ายแรงต่อความไว้วางใจของสาธารณะ และ การใช้อำนาจในทางมิชอบอย่างเผด็จการ โดยชัดเจน เมื่อนำมารวมกัน ทำให้ได้ว่าเธอไม่เหมาะที่จะดำรงตำแหน่ง และ ไม่ทำตามกฎหมาย และ รัฐธรรมนูญ 2530” ข้อความที่ถูกเขียนในคำร้อง

ดูเตอร์เต้ เคียงข้างมาร์กอส ในปี 2565 ในโครงการเสียงร้องแห่งความสามัคคี ในประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่แตกแยกกันอย่างรุนแรง ทั้งคู่เป็นลูกหลานของผู้มีอำนาจที่ถูกกล่าวหาว่าละเมิดสิทธิมนุษยชน แต่ฐานการสนับสนุนที่แข็งแกร่งในระดับภูมิภาคของพวกเขารวมกันทำให้พวกเขาได้รับชัยชนะอย่างถล่มทลาย

มาร์กอสเป็นบุตรชายและนามสกุลเดียวกับอดีตผู้นำเผด็จการที่ถูกโค่นอำนาจจากการลุกฮือเพื่อประชาธิปไตยในปี 2529 ดูเตอร์เต บิดาของรองประธานาธิบดีและอดีตประธานาธิบดีมาร์กอส เป็นผู้นำการปราบปรามยาเสพติดอย่างรุนแรง ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการสอบสวนของศาลอาญาระหว่างประเทศ โดยมองว่าอาจเป็นอาชญากรรมต่อมนุษยชาติ

พันธมิตรทางการเมืองต่างแตกแยกกันโดยทันทีที่พวกเขาได้รับชัยชนะการเลือกตั้ง

คำร้องถอดถอนรองประธานาธิบดี มุ่งเน้นไปที่เรื่องคำขู่ที่เธอขู่ว่าจะฆ่าประธานาธิบดี, ภรรยา และ โฆษก ของเขาในปีก่อน ความผิดปกติในการใช้เงินกองทุนข่าวกรองของสำนักงานของเธอ และ ความล้มเหลวของเธอในการต่อต้านการรุกรานของจีนในทะเลจีนใต้ที่เป็นข้อพิพาท

เธอกล่าวในการสัมภาษณ์ของสำนักงานข่าวออนไลน์ในเดือน พฤศจิกายน ว่า ถ้าหากเธอถูกฆาตกรรม เธอได้ทำสัญญากับนักฆ่าให้ไปฆาตกรรม มาร์กอส, ภรรยา และ โรมูอัลเดซ คำขู่ของเธอเป็นเรื่องจริง

เธอกล่าวในเวลาต่อมาว่าเธอไม่ได้ขู่เขา แต่เธอพยายามแสดงออกถึงความกังวลในเรื่องความปลอดภัยของเธอ อย่างไรก็ตาม คำพูดของเธอทำให้เกิดการสืบสวนและเพิ่มความกังวลด้านความมั่นคงของชาติ

ข้อกล่าวหาการทุจริตและคอร์รัปชั่นต่อเธอ ปรากฏออกมาจากการสืบสวนในบ้านซึ่งออกอากาศทางโทรทัศน์ยาวนานหลายเดือน ในเรื่องข้อกล่าวหาการใช้เงินอย่างมิชอบ 612.5 ล้านเปโซ (10.5 ล้านดอลลาร์) ไปกับกองทุนลับและข่าวกรอง โดยหน่วยงานของดูเตอร์เต้ในฐานะรองประธานาธิบดี และ เลขานุการการศึกษา ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาเธอได้ลาออกจากตำแหน่งทางการศึกษา เนื่องจากความแตกต่างทางการเมืองระหว่างเธอกับมาร์กอสเพิ่มมากขึ้น

เธอยังถูกกล่าวหาเรื่องของความร่ำรวยที่ไม่มีที่มา และ ไม่สามารถชี้แจงได้ตามที่กฎหมายกำหนด เธอปฏิเสธที่จะตอบคำถามถึงข้อมูลในการพิจารณาคดีทางโทรทัศน์ที่ตึงเครียดเมื่อปีที่แล้ว

ข้อกล่าวหาเรื่องการถอดถอนกล่าวหาว่าดูเตอร์เตบ่อนทำลายนโยบายของรัฐบาลมาร์กอส รวมถึง การจัดการข้อพิพาทเรื่องอาณาเขตกับปักกิ่งในทะเลจีนใต้ที่รัฐบาลเรียกว่าเป็น “ความล้มเหลว” ข้อร้องเรียนดังกล่าวยังมีคำกล่าวหา ถึงการนิ่งเฉยของเธอต่อการกระทำที่ก้าวร้าวมากขึ้นของจีนในน่านน้ำที่เกิดข้อพิพาท

ที่มา: https://edition.cnn.com/2025/02/05/asia/philippines-vp-duterte-impeachment-intl-hnk/index.html

ร่วมแสดงความคิดเห็น