ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐใช้คำสั่งบริหารสั่งให้หยุดการทำงานของความช่วยเหลือระหว่างประเทศทั้งหมด เป็นเวลา 90 วัน ทำให้การเครือข่ายการพัฒนาโลกทั้งหมดของสหรัฐหยุดชะงักชั่วข้ามคืน โรงพยาบาลที่เป็นค่ายสำหรับผู้อพยพถูกบังคับให้ปิดประตูไม่รับผู้ป่วยเพิ่ม ส่งผลกระทบไปทั่วชุมชนผู้ลี้ภัย
โรเซลลา เด็กหญิงวัย 9 ขวบ จำเป็นที่จะต้องได้รับการดูแลตลอด 24 ชั่วโมง เนื่องจากอาการเกี่ยวกับกระดูก เธอเกิดมาพร้อมกับอาการที่กระดูกซี่โครงของเธอนั้นดันปอดอย่างรุนแรง
“เธอหายใจแบบปกติไม่ได้” รีเบคก้า แม่ของ โรเซลลา วัย 27 ปี กล่าวกับ CNN ผ่านการโทรทางวีดีโอ “เธอต้องใช้อุปกรณ์ให้อ็อกซิเจนอย่างต่อเนื่อง” ณ ตอนนี้ เธอไม่รู้ว่าอุปกรณ์ให้อ็อกซิเจนที่เธอมีอยู่ตอนนี้จะหมดไปเมื่อไหร่
โรเซลลาและแม่ของเธอเป็นผู้ลี้ภัยที่อาศัยอยู่ในค่ายผู้ลี้ภัยห่างไกลหนึ่งในเก้าแห่งที่ตั้งอยู่บนพรมแดนภูเขาของประเทศไทยกับประเทศเมียนมาร์
มีคนอาศัยอยู่ในค่ายประมาณ 100,000 คน หลบหนีการสู้รบระหว่างกองทัพเมียนมาร์และกลุ่มกบฏชนกลุ่มน้อยมานานหลายสิบปี สถานการณ์บริเวณชายแดนเลวร้ายลงในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาเนื่องมาจากการรัฐประหารของคณะรัฐประหารและสงครามกลางเมืองที่ตามมา
แม่หละเป็นค่ายที่ใหญ่ที่สุด และโรงพยาบาลที่ได้รับทุนจากสหรัฐ เป็นแหล่งดูแลสุขภาพเพียงแห่งเดียวสำหรับผู้คนที่อาศัยอยู่ที่นั่นมากกว่า 37,000 คน ซึ่งส่วนใหญ่มาจากชนกลุ่มน้อยชาวกะเหรี่ยง
โรเซลลา ถูกย้ายตัวไปที่ศูนย์สุขภาพชั่วคราว พร้อมกับผู้ป่วยคนอื่นๆที่มีอาการเรื้อรัง แต่ ณ ตอนนี้ไม่เหลือหมอคนไหนที่จะทำการรักษาเธออีกแล้ว
เจ้าหน้าที่บรรเทาทุกข์จำนวนมากในภาคเหนือของประเทศไทยอธิบายถึงความตื่นตระหนกและความสับสนเป็นวงกว้างหลังจากการระงับความช่วยเหลืออย่างกะทันหัน โดยเฉพาะในหมู่ผู้ที่ทำงานให้บริการช่วยชีวิตผู้คนที่เปราะบางและยากจนที่สุดในโลกบางกลุ่ม ในทั้งสองฝั่งของชายแดน
บางคนบอกกับ CNN ว่าพวกเขามีเงินทุนเหลืออีกเพียงหนึ่งเดือนครึ่งเท่านั้นที่จะเลี้ยงอาหารคนนับหมื่นคนได้
“เราไม่เคยเผชิญปัญหาแบบนี้มาก่อน” ซอ บเวห์ เซย์ เลขาธิการคณะกรรมการผู้ลี้ภัยชาวกะเหรี่ยง ซึ่งเป็นตัวแทนของผู้ลี้ภัยในค่ายผู้ลี้ภัยในประเทศไทย กล่าว
ความวิตกกังวลเรื่องยาและอาหาร
ผู้ลี้ภัยในค่ายชายแดนไทยมีชีวิตที่เปราะบางและโดดเดี่ยว เนื่องจากพวกเขาไม่สามารถทำงานได้อย่างถูกกฎหมาย และ จำเป็นจะต้องมีใบอนุญาตถ้าหากต้องการจะออกจากค่าย รัฐบาลไทยถือว่าค่ายดังกล่าวเป็นเพียงสถานที่อยู่ชั่วคราว แต่ชุมชนบางแห่งก็ดำรงอยู่มานานหลายชั่วรุ่นแล้ว
บริการพื้นฐาน เช่น การดูแลสุขภาพ การศึกษา สุขอนามัย น้ำและอาหาร ได้รับการจัดทำโดย ผู้บริจาค ความช่วยเหลือระหว่างประเทศ ในค่ายแม่หละและค่ายอื่นอีก 6 แห่ง เงินทุนเหล่านั้นเกือบทั้งหมดมาจากสหรัฐอเมริกา ผู้บริจาคความช่วยเหลือรายใหญ่ที่สุดของโลก ผ่านทางคณะกรรมการกู้ภัยนานาชาติ
แม่ว่าโรงพยาบาลภายในค่ายนั้นจะเหมือนสถานพยาบาลภาคสนาม ด้วยหลังคาสังกะสี และ ไฟฟ้าที่ไม่มีความต่อเนื่อง ที่แห่งนี้กลับเป็นศูนย์ให้ความช่วยเหลือทางด้านสุขภาพเพียงแห่งเดียวสำหรับ คนหลายหมื่นคน
“ถ้ามีเหตุฉุกเฉิน พวกเราจะรับมือยังไง มันจะส่งผลกระทบต่อผู้คนมากมายในที่แห่งนี้แน่นอน” คุณนีนี อายุ 62 ปี ผู้มีภาวะหัวใจล้มเหลวและโรคไต กล่าว
ถ้าไม่มีถังอ็อกซิเจน “ฉันตายแน่ๆ” เธอกล่าวกับ CNN ผ่านทางการโทรทางวิดีโอ
สำหรับผู้ป่วยหลายๆคน มันสายเกินไปแล้ว ในค่ายอัมเปียมที่อยู่ใกล้เคียง หญิงสูงอายุที่มีปัญหาเกี่ยวกับการหายใจ เสียชีวิตลงหลังจากที่เธอไม่สามารถเข้าถึงออกซิเจนเสริมได้ เนื่องจากการปิดตัวของโรงพยาบาลค่าย โฆษก คณะกรรมการกู้ภัยนานาชาติ กล่าว
ผู้อพยพคนอื่นๆ กล่าวกับ CNN ว่า พวกเขากำลังมีปัญหากับเงินค่ารักษาโรคต่างๆ เช่น การฟอกไตที่มีค่าใช้จ่ายมหาศาล เพราะคนส่วนใหญ่ต้องดิ้นรนเพื่อเลี้ยงดูครอบครัวไปด้วย
โฆษกคณะกรรมการกู้ภัยนานาชาติ กล่าวว่าพวกเขาจำเป็นจะต้องปิดการรับผู้ป่วยนอก และ สิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆในค่ายตามคำสั่งหยุดงาน การบริหารของ สิ่งอำนวยความสะดวกทางการแพทย์, อุปกรณ์, และระบบน้ำ ถูกโอนย้ายไปให้เป็นหน้าที่ของรัฐบาลไทย และ ผู้บัญชาการค่าย แต่คณะกรรมการกู้ภัยนานาชาติ ยังคงส่งยาและเชื้อเพลิงให้ โดยไม่ได้ใช้เงินทุนจากสหรัฐ
“ความกังวลหลักอยู่ที่การไม่มีวิธีการจัดหาอาหารและเชื้อเพลิงในการปรุงอาหารให้กับผู้ลี้ภัย” ลีออน เดอ รีดแมทเทน ผู้อำนวยการบริหารของสมาคมชายแดน
โรงพยาบาลไทยรับภาระหนัก
เมื่อธวัชชัย ยิ่งทวีศักดิ์ ได้ข่าวว่า โรงพยาบาลของค่ายถูกปิด ทีมของเขารีบไปที่ค่ายเพื่อช่วยเหลือ
นพ.ธวัชชัย ดำรงตำแหน่ง ผู้อำนวยการโรงพยาบาลท่าสองยาง ใช้เวลาขับรถไปที่แม่หละประมาณ 30 นาที
ในค่ายไม่มีแพทย์ประจำ โรงพยาบาลของเขาและโรงพยาบาลอื่นๆ ได้เข้าไปในค่ายและดูแลผู้ที่มีอาการร้ายแรงและฉุกเฉิน
นพ.ธวัชชัย กล่าวว่า การปิดตัวโรงพยาบาลที่ได้รับการสนับสนุนจาก USAID นั้นเป็นเรื่อง “อันตราย” และ ตั้งแต่ที่การช่วยเหลือดังกล่าวนั้นถูกหยุดไป โรงพยาบาลของเขาต้องรับคนป่วยเพิ่ม 20 – 30 คน ซึ่งเป็นผู้อพยพทั้งหมด
เขาทำงานร่วมกับหมอในค่าย และ ช่วยขนย้ายถังอ็อกซิเจน รวมถึงสิ่งอื่นๆด้วย แต่เขากล่าวว่า นี่เป็นการอุดรูรั่วเพียงชั่วคราว โรงพยาบาลของเขาต้องรักษาผู้ป่วยประมาณ 100,000 คน และในขณะนี้ที่เขายังคงรับมือได้อยู่ แต่เขากังวลว่าในช่วงหน้าฝนผู้ป่วยนั้นจะล้นโรงพยาบาล
ธวัชชัยกล่าวว่าโดยปกติแล้วฤดูมรสุมจะเริ่มขึ้นราวๆ เดือนมิถุนายน โดยถือเป็น “ฤดูที่มีโรคระบาดสูง” โดยมีโรคที่เกิดจากยุงและเด็กๆ จำนวนมากเป็นโรคปอดบวม
ในคำสั่งฝ่ายบริหารเมื่อวันที่ 20 มกราคม ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์กล่าวว่า “อุตสาหกรรมการช่วยเหลือต่างประเทศของสหรัฐฯ” ทำหน้าที่เพื่อ “ทำลายเสถียรภาพของสันติภาพโลก” และ “ในหลายๆ กรณี ถือเป็นสิ่งที่ขัดต่อค่านิยมของอเมริกา”
แต่ผู้ที่ได้รับผลกระทบในภาคเหนือของประเทศไทยเป็นกลุ่มคนที่เปราะบางที่สุดในโลกซึ่งต้องพึ่งพาความช่วยเหลือจากสหรัฐฯ เพื่อความอยู่รอด
ในค่ายแม่หละโรเซลลาไม่สามารถออกห่างจากถังออกซิเจนของเธอได้ เธอต้องการถังออกซิเจนหนึ่งถังทุก ๆ สองวัน แม่ของเธอกล่าว
สถานการณ์ของครอบครัวพวกเขาซับซ้อนขึ้นเมื่อเรเบคก้าตั้งครรภ์ได้ 5 เดือนแล้ว เธอเคยเข้ารับการอัลตราซาวด์และการดูแลก่อนคลอดที่โรงพยาบาล แต่ตอนนี้ทุกอย่างก็หยุดลง
“ฉันไม่รู้จะทำยังไง ตอนนี้ไม่มีหมอให้ไปหาเพื่อการตั้งครรภ์ครั้งนี้” เธอกล่าว
“ฉันเป็นห่วงลูกสาวและการตั้งครรภ์ครั้งนี้ เป็นห่วงทุกๆ คนด้วย”
ร่วมแสดงความคิดเห็น