ประธานาธิบดีฝรั่งเศส เอ็มมานูเอล มาครง ในวันจันทร์ พยายามที่จะโน้มน้าวในเรื่องของความเป็นจริงให้กับประธานาธิบดีสหรัฐ โดนัลด์ ทรัมป์ ที่มีความพยายามที่จะหยุดสงครามยูเครน โดยยืนกรานว่า พวกเขาต้องการผลลัพธ์ ซึ่งคือสันติภาพเหมือนกัน ขณะเดียวกันก็ย้ำเตือนในเรื่องของการรักษาพันธกรณีระหว่างประเทศของรัสเซียในอดีตที่ไม่ดีนัก
เขาย้ำเตือนเกี่ยวกับความสำคัญของการรับประกันความปลอดภัย เพื่อให้แน่ใจว่ารัสเซียทำตามสัญญาในช่วงเวลานี้ และกล่าวว่า ไม่ว่าสัญญาใด ต้องมีการ “ตรวจสอบและยืนยัน” และเขาได้กล่าวเกี่ยวกับการพูดคุยระหว่างเขาและปูติน โดยกล่าวว่าการพูดคุยกับปูตินนั้นมีค่า แต่จะมีค่าเฉพาะเมื่ออยู่ในฝั่งที่มีความแข็งแกร่งเท่านั้น
“เราต้องการสันติ เขาต้องการสันติ” มาครงกล่าวกับทรัมป์ “เราต้องการสันติภาพ โดยทันที แต่เราไม่ต้องการการทำสัญญาที่ไม่รัดกุม”
“สันติภาพที่ว่านี้ ไม่ได้หมายถึงการยอมแพ้ของยูเครน” มาครง กล่าว
การแถลงข่าวร่วมกันในวันจันทร์ ทรัมป์ไม่ได้ให้ข้อเสนอเกี่ยวกับการรับประกันความปลอดภัย ในทางกลับกัน เขาบรรยายว่าตัวเขานั้นเป็นนักเจรจาที่ฉกาจฉกรรจ์ในเรื่องของการทำสัญญา
“ผมได้พูดคุยกับปูตินแล้ว และคนของผมได้ทำข้อตกลงกับเขา และเจ้าหน้าที่ของเขาอย่างสม่ำเสมอ และพวกเขาต้องการที่จะทำอะไรสักอย่าง” เขากล่าวในห้องตะวันออก “ผมหมายถึง นั่นคือสิ่งที่ผมทำ ผมทำข้อตกลง ทั้งชีวิตของผมคือข้อตกลง นั่นคือทั้งหมดที่ผมรู้ ข้อตกลง และผมจะรู้ถ้ามีใครบางคนอยากจะทำข้อตกลง ผมจะรู้เช่นเดียวกันถ้าพวกเขาไม่อยากทำ”
มาครง ใช้ความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลยาวนานหลายปีกับทรัมป์เพื่อกดดันยุโรปและยูเครน หลังจากที่ความสัมพันธ์ข้ามมหาสมุทรแอตแลนติกเสื่อมถอยลงอย่างรุนแรงเป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์ และทั้งสองคนดูเหมือนจะเป็นพันธมิตรที่ดีต่อกัน พูดคุยและยิ้มให้กัน ตลอดระยะเวลาที่พวกเขาพบกัน ทรัมป์กล่าวชื่นชมอย่างออกหน้าออกตาเกี่ยวกับการบูรณะ มหาวิหารน็อทร์-ดาม ที่ปารีส ของมาครงที่รวดเร็ว หลังจากที่ถูกไฟไหม้จนเกือบจะทำลายมหาวิหารทั้งหลัง
มาครงยังพยายามถามถึงเรื่องของขอบเขตของข้อตกลง ย้ำเตือนจุดยืนที่เขาเก็บงำมาหลายเดือน เขาย้ำเตือนชาติต่างๆในยุโรปว่าต้องรับผิดชอบเรื่องความปลอดภัยของพวกเขาให้มากขึ้น จุดยืนที่ผู้นำของฝรั่งเศสมีสอดคล้องกับทรัมป์
แต่ความแตกต่างของพวกเขายังคงชัดเจน และจนเย็นของวันนั้นก็ยังไม่ปรากฏ ทรัมป์ได้ปรับเปลี่ยนจุดยืนที่สำคัญต่อคำถามที่ว่า ใครเป็นผู้รับผิดชอบต่อสงครามยูเครน หรือยุโรปได้พยายามมากพอแล้วในเรื่องของการสนับสนุนยูเครนหรือไม่
ในขณะที่ผู้นำทั้งสองพบกันในวันจันทร์ มติที่นำโดยสหรัฐ ที่ไม่เรียกรัสเซียว่าผู้รุกรานในสงคราม ได้รับการผ่านโดยคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ โดยได้รับการสนับสนุนจากมอสโกว์และโดยปราศจากการสนับสนุนจากพันธมิตรยุโรปของสหรัฐ
ช่วงเวลาที่น่าจดจำในการพบกันของทั้งสองผู้นำที่เน้นย้ำถึงความตึงเครียด มาครงพยายามที่จะแก้ไข ธรรมชาติของการสนับสนุนของยุโรปต่อยูเครน ซึ่งขัดจังหวะทรัมป์ขณะที่เขากำลังพูด โดยชี้ให้เห็นว่าเขากำลังให้ข้อมูลที่เป็นข้อเท็จจริงไม่ถูกต้อง
“เพื่อให้คุณเข้าใจ ยุโรปกำลังกู้ยืมเงินมาให้ยูเครน พวกเขากำลังจะได้รับเงินของพวกเขาคืน” ทรัมป์ กล่าวเนื่องจากเขากำลังเตรียมพร้อมที่จะเจรจากับยูเครน ในการเข้าถึงแร่ธาตุต่างๆ
นั่นคือช่วงเวลาที่มาครงเอื้อมไปจับแขนของทรัมป์เพื่อขัดการพูดของเขา
“ไม่ ในความเป็นจริง ให้พูดตามตรง เราจ่าย เราจ่าย 60% ของความพยายามทั้งหมด ก็เหมือนกับสหรัฐ เงินกู้ การค้ำประกัน เงินช่วยเหลือ” มาครงกล่าว โดยที่ทรัมป์ยิ้มอย่างเศร้าใจ
ทรัมป์แสดงความเปิดกว้างต่อกองกำลังรักษาสันติภาพยุโรปในยูเครน เป็แผนการที่เขาคาดว่าจะได้เรียนรู้เพิ่มเติมในช่วงปลายสัปดาห์นี้เมื่อเขาได้รับการต้อนรับนายกรัฐมนตรีอังกฤษ เคียร์ สตาร์เมอร์ เขายังบอกอีกว่าเขาได้หารือแนวคิดนี้กับปูตินแล้ว และประธานาธิบดีรัสเซียก็เปิดรับแนวคิดนี้เช่นกัน
ต่อมา มาครงได้กล่าวถึงชาวยุโรปว่าทำหน้าที่เป็น “กองกำลังประกัน” ในยูเครน โดยชาวอเมริกันแสดง “ความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน” แม้ว่าจะชัดเจนว่ายังต้องมีการสรุปแผนอย่างชัดเจน
ทรัมป์ยังกล่าวอีกว่าเขาพร้อมที่จะพบกับประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกีของยูเครนในเร็วๆ นี้ เพื่อสรุปข้อตกลงที่จะทำให้สหรัฐ เข้าถึงรายได้จากแร่ธาตุของยูเครน ซึ่งมาครงแสดงความยินดี
“ดูเหมือนว่าเราจะเข้าใกล้มากแล้ว” ทรัมป์กล่าว
ประธานาธิบดีสหรัฐยืนกรานว่าสงครามยูเครนอาจยุติลงได้ภายในไม่กี่สัปดาห์ จะไม่เรียกปูตินว่าเป็นเผด็จการ ซึ่งคำที่เขาใช้บรรยายถึงผู้นำของยูเครน และย้ำเป้าหมายที่จะไปเยือนมอสโกว์สักครั้งในอนาคต
ที่มา: https://edition.cnn.com/2025/02/24/politics/trump-macron-ukraine-talks/index.html
ร่วมแสดงความคิดเห็น