ในท้ายที่สุด ชาร์ล เดอ โกล พูดถูก
ในการเป็นประธานาธิบดีของฝรั่งเศสในช่วงปี 2503 ชาร์ล เดอ โกล ได้ทำการริเริ่มนโยบายเอกราชทางยุทธศาสตร์ของฝรั่งเศส
เขากล่าวว่าเป็นที่แน่นอนว่า อเมริกาเป็นพันธมิตรกับเรามากกว่ารัสเซีย แต่อเมริกาก็มีเรื่องของผลประโยชน์เหมือนกัน และในวันหนึ่งผลประโยชน์ของพวกเขาจะขัดกับเรา
คำกล่าวเตือนของเขาไม่เคยจะเปรียบดั่งคำทำนาย ในช่วงเวลาไหนได้มากเท่าช่วงเวลาของโลกทุกวันนี้
จากหลักการกองกำลังมหาอำนาจ เดอ โกลล์ สร้างแนวคิดเรื่องการยับยั้งการใช้อาวุธนิวเคลียร์ของฝรั่งเศส ซึ่ง ณ ตอนนี้กลายเป็นที่ถกเถียงกันในเรื่องของความปลอดภัยของยุโรป
ฝรั่งเศส และ อังกฤษ เป็นเพียง 2 ประเทศในยุโรปที่มีอาวุธนิวเคลียร์ ปัจจุบันฝรั่งเศสมีหัวรบนิวเคลียร์เกือบ 300 ลูก ซึ่งสามารถยิงได้จากเครื่องบินที่ประจำการอยู่ในฝรั่งเศสหรือจากเรือดำน้ำก็ได้
สหราชอาณาจักร มีประมาณ 250 หัวรบ แต่ความแตกต่างที่ชัดเจนคือ ฝรั่งเศสสามารถผลิตอาวุธนิวเคลียร์ได้ด้วยตนเอง ขณะที่อังกฤษต้องพึ่งพาการช่วยเหลือทางเทคนิคจากสหรัฐ
ในวันพุธ ประธานาธิบดี เอ็มมานูเอล มาครง ได้เสนอความคิดในเรื่องกองกำลังยับยั้งของฝรั่งเศส ที่จะสามารถร่วมมือกับกองกำลังป้องกันของประเทศต่างในยุโรปได้ ในช่วงเวลาที่ไม่มีความแน่นอนนี้
ข้อเสนอแนะของเขาทำให้เกิดความโกรธเคืองจากนักการเมืองฝ่ายขวาและฝ่ายซ้าย ซึ่งกล่าวว่าฝรั่งเศสกำลังพิจารณาที่จะ “แบ่งปัน” คลังอาวุธนิวเคลียร์ของตน
ตามคำกล่าวของเจ้าหน้าที่รัฐและผู้เชี่ยวชาญด้านการป้องกันประเทศ การแบ่งปันอาวุธของฝรั่งเศสนั้นไม่เป็นความจริง จะไม่มีการแบ่งปันอาวุธนิวเคลียร์
ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เซบาสเตียน เลอกอร์นู กล่าว “สิ่งที่เป็นของฝรั่งเศสจะยังคงเป็นของฝรั่งเศสต่อไป ตั้งแต่การคิดค้น การผลิต ไปจนถึงการดำเนินการ ภายใต้การตัดสินใจของประธานาธิบดี”
สิ่งที่ต้องถกเถียงกัน ไม่ใช่เรื่องที่ว่า มีกี่คนที่จะสามารถสั่งการอาวุธนิวเคลียร์ได้ แต่คือเรื่องว่าการคุ้มครองนิวเคลียร์ของฝรั่งเศสสามารถขยายให้ครอบคลุมประเทศอื่นๆ ในยุโรปได้อย่างชัดเจนหรือไม่
จวบจนถึงปัจจุบัน หลักการเรื่องนิวเคลียร์ของฝรั่งเศสถูกสร้างขึ้นโดยคำนึงถึงภัยคุกคามจากการตอบโต้ด้วยนิวเคลียร์ครั้งใหญ่ หากประธานาธิบดีคิดว่า “ผลประโยชน์สำคัญ” ของฝรั่งเศสตกอยู่ในความเสี่ยง
ข้อจำกัดของ “ผลประโยชน์สำคัญของฝรั่งเศส” ได้ถูกทิ้งไว้ให้คลุมเครือโดยเจตนาเสมอมา ความคลุมเครือ และ ความน่าเชื่อถือ ถือเป็นคำขวัญสองคำของการยับยั้งการใช้อาวุธนิวเคลียร์
ในความเป็นจริง ประธานาธิบดีฝรั่งเศส ที่คำนึงไปยังคำพูดของ เดอโกล ที่ได้ทำนายไว้แล้วว่าชาติต่างๆ ในยุโรปอยู่ภายใต้ร่มเงาของฝรั่งเศสอย่างพฤตินัยไปแล้ว ในปีพ.ศ. 2507 เดอ โกลล์ กล่าวว่า ฝรั่งเศสจะถือว่าตัวเองถูกคุกคาม ถ้าหากสหภาพโซเวียตโจมตีเยอรมนี
ดังนั้น ไม่มีอะไรใหม่ในการที่ มาครง แนะนำถึงมุมมองของยุโรปต่อการยับยั้งของฝรั่งเศส
สิ่งที่เป็นสิ่งใหม่คือ ประเทศต่างๆในยุโรปเรียกร้องให้ฝรั่งเศสคุ้มครองเป็นครั้งแรก
“ในอดีต เมื่อฝรั่งเศสได้เริ่มโหมโรง [เรื่องการเพิ่มการป้องกันนิวเคลียร์] ประเทศต่างๆ ไม่เต็มใจที่จะให้ความร่วมมือ” ปิแอร์ อาโรช แห่งมหาวิทยาลัยคาธอลิกแห่งเมืองลีลล์ กล่าว
“พวกเขาไม่อยากส่งสัญญาณว่าพวกเขาไม่ไว้ใจ สหรัฐ และ นาโต้”
“แต่ทรัมป์ได้ให้ความชัดเจนกับข้อถกเถียงนี้แล้ว มันไม่ใช่ว่าอเมริกากำลังปลดอาวุธนิวเคลียร์ของตัวเอง เพื่อให้ชัดเจน เรื่องนั้นดูเหมือนจะไม่อยู่ในแผนการ ณ ตอนนี้”
“แต่ว่า ความน่าเชื่อถือของการห้ามปรามอาวุธนิวเคลียร์ของสหรัฐไม่เหมือนแต่ก่อนแล้ว เรื่องนั้นได้ทำให้มีการเริ่มต้นถกเถียงกัน และทำให้เยอรมันดูเหมือนจะเห็นด้วยกับความคิดที่จะอยู่ภายใต้ร่มเงาการดูแลของฝรั่งเศสและอังกฤษ”
เมื่อเดือนที่แล้ว ผู้ที่ดูเหมือนจะได้เป็นนายกรัฐมนตรีเยอรมัน ฟรีดริช เมิร์ซ สร้างความตกใจแก่ประเทศพันธมิตรด้วยการกล่าวว่า ช่วงเวลานี้เหมาะแก่การเจรจากับ ฝรั่งเศส และ อังกฤษในเรื่องดังกล่าว
การยับยั้งนิวเคลียร์ของฝรั่งเศส หรือฝรั่งเศส-อังกฤษในยุโรป จะทำงานอย่างไร ยังไม่เป็นที่แน่ชัด
ตามคำกล่าวของนายอาโรช หนึ่งในตัวเลือกคือ ประจำการเครื่องบินติดอาวุธนิวเคลียร์ของฝรั่งเศสในต่างประเทศ อย่างเช่น เยอรมัน และ โปแลนด์ การตัดสินใจในการใช้อาวุธดังกล่าวจะยังคงขึ้นอยู่กับประธานาธิบดีของฝรั่งเศสโดยสมบูรณ์ แต่การส่งเครื่องบินไปประจำการต่างประเทศ คือการส่งสัญญาณที่แข็งแกร่ง
ในอีกทางหนึ่ง เครื่องบินทิ้งระเบิดของฝรั่งเศสจะทำการลาดตระเวนชายแดนของยุโรป แบบเดียวกับที่ฝรั่งเศสทำกับชายของประเทศตัวเองในทุกวันนี้ หรือ สร้างสนามบินในต่างประเทศ เพื่อให้ฝรั่งเศสสามารถส่งเครื่องทิ้งระเบิดในช่วงเวลาฉุกเฉินได้อย่างทันท่วงที
ตัวเลขของอาวุธนั้นเป็นปัญหา หัวรบนิวเคลียร์ 300 หัว เพียงพอสำหรับต่อกรกับหัวรบของรัสเซียจำนวนหลายพันหัวรบได้ไหม อาจจะไม่ แต่ถ้าหากรวมกับจำนวนหัวรบของพันธมิตร อังกฤษ จาก 300 เพิ่มขึ้นเป็น 550 อาจจะเป็นไปได้ อย่างไรก็ตามต้องคำนึงถึงเรื่องการผลิตที่อังกฤษยังคงพึ่งพาสหรัฐอยู่เช่นกัน ในเยอรมัน อิตาลี และ เนเธอร์แลนด์ นั้นครอบครองหัวรบนิวเคลียร์ของสหรัฐอยู่
อีกคำถามหนึ่งคือ ฝรั่งเศสจะปรับปรุงหลักการใช้นิวเคลียร์ใหม่หรือไม่ เพื่อลบความคลุมเครือในเรื่องของ “ประโยชน์ที่สำคัญของฝรั่งเศส” เพื่อให้แน่ใจว่าครอบคลุมพันธมิตรของยุโรปด้วย
บางคนบอกว่าไม่จำเป็น เนื่องจากความคลุมเครือทางยุทธศาสตร์ที่มีอยู่ตอนนี้เป็นส่วนหนึ่งของการยับยั้งแล้ว
แต่ อาโรช กล่าวว่า ยังมีแง่มุมในทางการเมืองที่จะเป็นการบอกอย่างชัดเจนขึ้นว่าฝรั่งเศสจะใช้อาวุธของตัวเองเพื่อปกป้องพันธมิตรในยุโรป
“ถ้าหากสหรัฐเริ่มมีบทบาทน้อยลง ประเทศในยุโรปจะต้องพึ่งพากันและกันเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก”
“ในโลกใหม่นี้ การสร้างความเชื่อใจ และ ความเชื่อมั่น ระหว่างพวกเราเองเป็นเรื่องสำคัญ สำหรับฝรั่งเศส พวกเขาได้ส่งสัญญาณแล้วว่าพร้อมที่จะเสี่ยงในการช่วยเหลือประเทศอื่นๆ ซึ่งเป็นการสร้างแนวหน้าที่มั่นคง”
ร่วมแสดงความคิดเห็น