สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ร่วมกับ กองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) และ สำนักงาน ป.ป.ท. เข้าจับกุม นายบุญญฤทธิ์ฯ เจ้าพนักงานปกครองชำนาญการ (ปลัดอำเภอ) คาวิทยาลัยการปกครอง อำเภอดอยสะเก็ด จังหวัดเชียงใหม่ วันนี้ (30 มิถุนายน 2568) หลังพบพฤติการณ์เรียกรับเงินค่าธรรมเนียม “บัตรชมพู” เกินจริง จนมีเงินสะพัดกว่า 3 ล้านบาท
การจับกุมนายบุญญฤทธิ์ฯ เกิดขึ้นตามหมายจับของศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 5 โดยถูกตั้งข้อหาเป็นเจ้าพนักงานเรียก รับ หรือยอมจะรับทรัพย์สินฯ โดยมิชอบ และปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือโดยทุจริต ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149 และ 157 รวมถึง พ.ร.บ.ป.ป.ช. มาตรา 172 และ 173
นายบุญญฤทธิ์ฯ ซึ่งปัจจุบันปฏิบัติหน้าที่ ผู้ช่วยนายทะเบียนจังหวัด (หัวหน้าศูนย์บริหารการทะเบียนภาค 5 สาขาจังหวัดเชียงใหม่) ตั้งแต่วันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2566 มีหน้าที่หลักในการออกบัตรประจำตัวคนซึ่งไม่มีสัญชาติไทย (บัตรชมพู) และคัดสำเนาแบบรับรองรายการทะเบียนประวัติคนต่างด้าว (ท.ร. 38/1)
ชนวนเหตุของคดีนี้มาจากการแจ้งเบาะแสของนายหน้าแรงงานต่างด้าว ที่พบว่านายบุญญฤทธิ์ฯ เรียกเก็บค่าธรรมเนียมการออกบัตรชมพูและคัดสำเนาแบบรับรองรายการทะเบียนฯ สูงถึง 200 บาทต่อแรงงานต่างด้าว 1 ราย ทั้งที่ตามกฎหมายกำหนดเพียงบัตรละ 60 บาท และค่าคัดสำเนา 20 บาท เท่ากับมี “เงินส่วนต่าง” ที่เรียกเก็บเกินจริงถึง 120 บาทต่อราย
เฉพาะจากผู้เสียหายรายเดียวที่แจ้งเบาะแส พบว่ามีเงินส่วนต่างที่ถูกเรียกเก็บไปแล้วกว่า 2.4 ล้านบาท ถึง 3.6 ล้านบาท ตั้งแต่ต้นปี 2566 นอกจากนี้ พฤติกรรมการเรียกเก็บเงินเกินอัตรานี้ยังเป็นที่รับรู้กันทั่วไปในหมู่นายหน้าแรงงานต่างด้าวในจังหวัดเชียงใหม่กว่า 100 ราย โดยหากไม่จ่ายเงิน จะไม่ได้รับคิวนัดเพื่อนำแรงงานเข้าทำบัตร
หลังการจับกุมพร้อม เงินของกลาง 15,200 บาท นายบุญญฤทธิ์ฯ ถูกนำตัวส่งพนักงานสอบสวน บก.ปปป. เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ขณะที่ที่ทำการปกครองอำเภอสันทราย จังหวัดเชียงใหม่ ต้องออกมาชี้แจงด่วน โดยยืนยันว่าเจ้าหน้าที่คนดังกล่าว ไม่ได้ดำรงตำแหน่งปลัดอำเภอสันทรายแล้ว แต่ไปช่วยราชการที่สำนักบริหารการทะเบียน และปฏิบัติหน้าที่หัวหน้าศูนย์บริหารงานทะเบียนภาค 5 สาขาจังหวัดเชียงใหม่
การชี้แจงนี้เกิดขึ้นหลังจากที่ทำการปกครองอำเภอสันทรายได้รับผลกระทบทางชื่อเสียงอย่างหนัก เนื่องจากประชาชนบางส่วนเข้าใจผิดว่าเจ้าหน้าที่ที่ถูกจับกุมยังคงสังกัดและปฏิบัติหน้าที่อยู่ในอำเภอสันทราย
ที่ทำการปกครองอำเภอสันทรายจึงขอยืนยันว่า ทั้งที่ทำการปกครองอำเภอสันทราย สำนักทะเบียนอำเภอสันทราย และเจ้าหน้าที่ทุกคนในปัจจุบัน ปฏิบัติงานด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ตามระเบียบกฎหมาย เสมอภาค และเท่าเทียม ไม่มีพฤติกรรมการเรียกรับเงิน ตามที่ปรากฏเป็นข่าวแต่อย่างใด เพื่อแก้ไขความเข้าใจผิดของสาธารณชน และปกป้องชื่อเสียงของเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานในอำเภอสันทราย ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับคดีดังกล่าว.


ร่วมแสดงความคิดเห็น