ตร.เคลียร์ชัด นั่งใน “แคปกระบะ“ ไม่คาดเข็มขัด ไม่ผิดกฎหมาย

เมื่อวันที่ 19 สิงหาคม 2565 ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผู้ช่วย ผบ.ตร. ในฐานะรองหัวหน้าคณะทำงานและคณะทำงานย่อย เพื่อพิจารณายกร่างกฎหมายลำดับรองและเตรียมความพร้อมในการรองรับการบังคับใช้ร่างพระราชบัญญัติจราจรทางบก (ฉบับที่ 13) พ.ศ.2565 ชี้แจงประเด็นที่สังคมกำลังวิพากษ์วิจารณ์กันในสื่อโซเชียลมีเดีย อาทิ เว็บไซต์ pantip ระบุ

“หลังวันที่ 5 กันยายน 2565 กฎหมายมีผลบังคับใช้ ให้เบาะที่ 2 ต้องคาดเข็มขัด ฝ่าฝืนปรับ 2,000.- บาท กรรมจึงมาตกอยู่ที่กระบะแค็บ ที่ไม่มีเข็มขัด และออกแบบมาเพื่อการใส่ของ ไม่ได้มีไว้นั่ง แต่คนไทยนั่งมาจะร้อยปีแล้ว ทั้งนั่งท้ายกระบะ นั่งแค็บ คนชนบทที่ซื้อรถแค็บมาก็หวังจะได้ซื้อรถราคาถูกกว่า 4 ประตู ใช้งานได้อเนกประสงค์ หวังว่าจะได้เป็นที่หลบร้อน หลบฝน ต้นทุนชีวิตคนเรามันต่างกัน กฎหมายกำลังบีบบังคับ ลอยแพ ผู้ใช้รถแค็บอยู่หรือไม่”

เรื่องนี้ขอเรียนชี้แจงว่า เป็นข้อมูลที่คลาดเคลื่อน ซึ่งข้อเท็จจริง คือ พ.ร.บ.จราจรทางบก (ฉบับที่ 13) พ.ศ.2565 จะเริ่มบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 5 กันยายน 2565 โดยสำนักงานตำรวจแห่งชาติจะต้องออกประกาศเกี่ยวกับการโดยสารในกลุ่มรถที่มีที่นั่งที่ไม่สามารถติดตั้งเข็มขัดนิรภัยได้ ภายใน 90 วัน นับตั้งแต่วันที่ พ.ร.บ. มีผลใช้บังคับ (ครบกำหนดวันที่ 4 ธันวาคม 2565) โดยจะมีคณะทำงานพิจารณายกร่างกฎหมาย ที่มี พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. เป็นที่ปรึกษา และ พล.ต.อ.ปรีชา เจริญสหายนนท์ ที่ปรึกษาพิเศษ ตร. เป็นหัวหน้าคณะหารือร่วมกันระหว่าง กรมการขนส่งทางบก กับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในการจัดทำร่างประกาศฉบับดังกล่าว ซึ่งในเนื้อหาสำหรับรถกระบะแค็บนั้นกำหนดให้รัดเข็มขัดนิรภัยเฉพาะแถวหน้า ในส่วนของแค็บไม่ต้องคาดเข็มขัดนิรภัย แต่กำหนดให้มีผู้โดยสารไม่เกิน 2 หรือ 3 คน ซึ่งยังอยู่ระหว่างพิจารณาของคณะทำงาน

พล.ต.ท.ประจวบฯ กล่าวอีกว่า ปัจจุบันร่างประกาศฯ ฉบับดังกล่าวอยู่ในกระบวนการของคณะทำงานพิจารณายกร่างกฎหมาย ในการนำเสนอร่างให้คณะกรรมการใหญ่เห็นชอบและออกประกาศให้มีผลใช้บังคับตามกฎหมายต่อไป ส่วนประเด็นใดที่ไม่ต้องทำระเบียบรองรับก็จะบังคับใช้ได้เลยในวันที่ 5 กันยายน 2565 เช่น การรวมกลุ่มมั่วสุมเพื่อแข่งรถในทางตั้งแต่ 5 คันขึ้นไป ถือเป็นความผิดฐานพยายามแข่งรถ, การเพิ่มโทษผู้ทำผิดซ้ำเมาแล้วขับที่ทำผิดซ้ำภายใน 2 ปี

ร่วมแสดงความคิดเห็น