ปภ.ย้ำ 17 จังหวัดเฝ้าระวังน้ำท่วมฉับพลัน 27-30 พ.ค.66

ปภ. เน้นย้ำ 17 จังหวัดภาคกลาง-ตะวันออก-ใต้-กทม. เฝ้าระวังน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก น้ำท่วมขัง และคลื่นลมแรง ช่วงวันที่ 27-30 พ.ค.66

(25 พ.ค.66) เวลา 14.10 น. กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลาง (กอปภ.ก.) โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) แจ้ง 17 จังหวัดภาคกลาง ภาคตะวันออก ภาคใต้ และกรุงเทพมหานคร เฝ้าระวังน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก น้ำท่วมขัง และคลื่นลมแรง ช่วงวันที่ 27-30 พ.ค.66 กำชับให้จัดเจ้าหน้าที่ติดตามและเฝ้าระวังสถานการณ์ภัยอย่างใกล้ชิดตลอด 24 ชั่วโมง และจัดทีมปฏิบัติการพร้อมเครื่องจักรกลด้านสาธารณภัยเข้าประจำพื้นที่เสี่ยงเพื่อเข้าเผชิญเหตุและให้การช่วยเหลือประชาชนได้อย่างทันท่วงที

กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลาง (กอปภ.ก.) โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ได้ติดตามสภาวะอากาศและพิจารณาปัจจัยเสี่ยง ประกอบกับกรมอุตุนิยมวิทยาได้มีประกาศฉบับที่ 2 (151/2566) ลงวันที่ 26 พฤษภาคม 2566 เวลา 05.00 น. แจ้งว่า มรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางที่พัดปกคลุมประเทศไทยมีกำลังแรงขึ้น ประกอบกับหย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม จะเคลื่อนผ่านประเทศไทยและลงสู่อ่าวมะตะบัน สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา ทำให้ประเทศไทยมีฝนเพิ่มขึ้นกับมีลมกระโชกแรง และมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางพื้นที่ บริเวณภาคเหนือตอนล่าง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคใต้ รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยจะมีกำลังแรงขึ้น โดยทะเลอันดามันมีคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ส่วนบริเวณอ่าวไทยมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร โดยมีพื้นที่เฝ้าระวังสถานการณ์ ดังนี้

 พื้นที่เฝ้าระวังน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำท่วมขัง
  • ภาคกลาง กรุงเทพมหานคร และ 5 จังหวัด ได้แก่ นนทบุรี (อ.เมืองฯ ปากเกร็ด) ปทุมธานี (อ.คลองหลวง ธัญบุรี) สมุทรปราการ (อ.เมืองฯ บางพลี บางเสาธง) เพชรบุรี (อ.เมืองฯ ชะอำ แก่งกระจาน ท่ายาง บ้านลาด) และประจวบคีรีขันธ์ (อ.ทับสะแก บางสะพาน บางสะพานน้อย)
  • ภาคตะวันออก 4 จังหวัด ได้แก่ ชลบุรี (อ.บ้านบึง ศรีราชา บางละมุง) ระยอง (อ.เมืองฯ แกลง ปลวกแดง) จันทบุรี (อ.เมืองฯ ขลุง มะขาม ท่าใหม่ นายายอาม เขาคิชฌกูฏ โป่งน้ำร้อน สอยดาว) ตราด (ทุกอำเภอ)
  • ภาคใต้ 8 จังหวัด ได้แก่ ชุมพร (ทุกอำเภอ) สุราษฎร์ธานี (อ.ท่าชนะ ไชยา บ้านตาขุน พนม คีรีรัฐนิคม เกาะสมุย เกาะพะงัน) ระนอง (ทุกอำเภอ) พังงา (อ.เมืองฯ คุระบุรี ตะกั่วป่า กะปง ท้ายเหมือง ตะกั่วทุ่ง ทับปุด) ภูเก็ต (ทุกอำเภอ) กระบี่ (อ.เมืองฯ เกาะลันตา คลองท่อม ปลายพระยา อ่าวลึก) ตรัง (อ.เมืองฯ รัษฎา ห้วยยอด นาโยง) และสตูล (อ.เมืองฯ ละงู)
    พื้นที่เฝ้าระวังคลื่นลมแรงใน 6 จังหวัดภาคใต้ ได้แก่ ระนอง (อ.เมืองฯ สุขสำราญ กะเปอร์) พังงา (อ.เมืองฯ เกาะยาว ทับปุด ตะกั่วทุ่ง ท้ายเหมือง ตะกั่วป่า คุระบุรี) ภูเก็ต (ทุกอำเภอ) กระบี่ (อ.เมืองฯ คลองท่อม เกาะลันตา เหนือคลอง อ่าวลึก) ตรัง (อ.กันตัง สิเกา ปะเหลียน หาดสำราญ) และสตูล (อ.เมืองฯ ละงู มะนัง ทุ่งหว้า)

กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลาง (กอปภ.ก) จึงได้ประสานจังหวัดในพื้นที่ภาคกลาง ภาคตะวันออก ภาคใต้ และกรุงเทพมหานคร รวมถึงศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขตในพื้นที่เสี่ยงภัยเตรียมพร้อมรับมือฝนตกหนักที่อาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำไหลหลาก น้ำท่วมขัง และคลื่นลมแรง โดยกำชับให้จัดเจ้าหน้าที่ติดตามและเฝ้าระวังสถานการณ์ภัยอย่างใกล้ชิดตลอด 24 ชั่วโมง โดยเฉพาะการติดตามปริมาณฝนที่ตกในพื้นที่แต่ละจุดอย่างใกล้ชิด รวมถึงเฝ้าระวังพื้นที่เสี่ยงฝนตกหนักหรือบริเวณฝนสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดอุทกภัยได้ พร้อมทั้งได้กำชับให้จัดทีมปฏิบัติการพร้อมเครื่องจักรกลด้านสาธารณภัยเข้าประจำพื้นที่เสี่ยงเพื่อเข้าเผชิญเหตุและให้การช่วยเหลือประชาชนได้อย่างทันท่วงที

นอกจากนี้ ให้จังหวัดแจ้งเตือนประชาชนที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัยทราบล่วงหน้า และแจ้งกองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยอำเภอ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หน่วยงาน ที่เกี่ยวข้อง และประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยติดตามข้อมูลสภาวะอากาศและข่าวสารจากทางราชการอย่างใกล้ชิด ตลอดจนประชาสัมพันธ์ให้กับประชาชนระมัดระวังอันตรายจากฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรง

ส่วนพื้นที่เฝ้าระวังสถานการณ์คลื่นลมแรง ให้จังหวัดออกประกาศหรือติดตั้งสัญญาณการแจ้งเตือนประชาชนบริเวณชายฝั่งทะเล และแจ้งนักท่องเที่ยวห้ามลงเล่นน้ำทะเลในช่วงที่มีคลื่นลมแรงโดยเด็ดขาด พร้อมประสานกรมเจ้าท่า กองทัพเรือ ตำรวจน้ำ แจ้งเตือนการเดินเรือ โดยให้ชาวเรือ ผู้บังคับเรือ ผู้ประกอบการเดินเรือโดยสาร เดินเรือด้วยความระมัดระวังให้มากขึ้น และหากสถานการณ์ในพื้นที่มีแนวโน้มรุนแรง ให้พิจารณาห้ามการเดินเรือออกจากฝั่งโดยเด็ดขาด

สำหรับประชาชนที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัย ขอให้ติดตามสภาพอากาศและข้อมูลข่าวสารจากทางราชการอย่างใกล้ชิด และเตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์ภัยที่อาจเกิดขึ้น

ร่วมแสดงความคิดเห็น