ลงพื้นที่ดูการบริหารจัดการน้ำ ในแม่น้ำปิง ด้วยระบบอัจฉริยะ

ดร.ทองเปลว ปลัด กษ. และคณะลงพื้นที่ดูการบริหารจัดการน้ำในแม่น้ำปิง ด้วยระบบอัจฉริยะ ป้องกันปัญหาน้ำท่วม ในพื้นที่เศรษฐกิจตัวเมืองเชียงใหม่

วันที่ 10 สิงหาคม 2465 ที่ผ่านมา เวลา 13.30 น. นายจรินทร์ คงศรีเจริญ ผู้อำนวยการโครงการชลประทานเชียงใหม่ พร้อมด้วย นายเกื้อกูล มานะสัมพันธ์สกุล หัวหน้าวิศวกรรมโครงการชลประทานเชียงใหม่ นายภูวเมศฐ์ อัศวมงคลพงษ์ หัวหน้าฝ่ายจัดสรรน้ำและปรับปรุงระบบชลประทาน นายพร้อมพงศ์ บริพันธ์ หัวหน้าฝ่ายส่งน้ำและบำรุงรักษาที่ 1 โครงการชลประทานเชียงใหม่ และน.ส.ชิดชนก แก้วใจบุญ นายช่างชลประทานปฏิบัติงาน โครงการชลประทานเชียงใหม่ ร่วมต้อนรับ ดร.ทองเปลว กองจันทร์ ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พร้อมคณะในโอกาสเดินทางมาเป็นประธานการประชุม และมอบแนวคิดหลักการบริหารงานกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พร้อมข้อคิดการทำงานของสำนักงานเกษตรและสหกรณ์จังหวัดภาคเหนือ โดยมี นายสุดชาย พรหมมลมาศ ผู้อำนวยการสำนักงานชลประทานที่ 1 พร้อมด้วยคณะเจ้าหน้าที่ชลประทาน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมให้การต้อนรับและเข้าประชุม ณ ประตูระบายน้ำป่าแดด อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่

ทั้งนี้ นายอภิวัฒน์ ภูมิไธสง ผู้อำนวยการ ส่วนบริหารจัดการน้ำและบำรุงรักษา สำนักงานชลประทานที่ 1 ได้กล่าวรายงานภาพรวมของสถานการณ์น้ำในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ และแนวทางการบริหารจัดการน้ำในช่วงฤดูฝน และช่วงฤดูแล้ง ขณะเดียวกัน นายเกื้อกูล มานะสัมพันธ์สกุล หัวหน้าวิศวกรรมโครงการชลประทานเชียงใหม่ ได้กล่าวรายงาน ถึงความเป็นมาของประตูระบายน้ำป่าแดด พร้อมระบบการควบคุมที่นำเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) รวมกับเทคโนโลยี IOT ผสานเข้าด้วยกัน เพื่อให้เกิดระบบควบคุมและบริหารจัดการประตูระบายน้ำแบบอัจฉริยะ ที่เป็นฝีมือคนไทย

จากนั้นทางคณะได้เยี่ยมระบบควบคุมประตูน้ำอัจฉริยะ และวิธีการควบคุมบานประตูทั้งแบบบังคับด้วยเจ้าหน้าที่ (แบบ Manual) และบังคับผ่านระบบอัจฉริยะด้วยสมาร์ทโฟน ที่สามารถดูข้อมูลผ่านสมาร์ทโฟนได้แบบเรียลไทม์ พร้อมควบคุมการเปิด-ปิดประตูน้ำ หากเกิดสถานการณ์ฝนตกหนักและต้องการระบายน้ำ เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบกับพื้นที่เศรษฐกิจในตัวเมืองเชียงใหม่ และพื้นที่อื่นๆ ตามเส้นทางลำน้ำปิง และเป็นการบริหารจัดการน้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ดร.ทองเปลว กองจันทร์ ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยภายหลังลงพื้นที่ตรวจราชการโครงการประตูระบายน้ำในลำน้ำปิง อำเภอเมืองเชียงใหม่ โดยมีคณะผู้บริหารกระทรวงเกษตรฯ และหัวหน้าส่วนราชการกระทรวงเกษตรฯ ในพื้นที่ 14 จังหวัดภาคเหนือ เข้าร่วม ว่าปัจจุบันโครงการประตูระบายน้ำในลำน้ำปิง สามารถควบคุมการเปิดปิดบานระบายน้ำด้วยระบบอัตโนมัติ ที่เชื่อมโยงกับข้อมูลปริมาณน้ำ และสามารถระบายน้ำได้สูงสุด 1,200 ลบ.ม.ต่อวินาที ซึ่งมีค่าความปลอดภัยคิดเป็น 1.5 เท่า ของอัตราการระบายน้ำสูงสุดของลำน้ำปิงเมื่อขุดลอกปรับแต่งลำน้ำ ทั้งด้านเหนือและด้านท้ายประตูระบายน้ำ ที่ 800 ลบ.ม.ต่อวินาที ซึ่งช่วยบรรเทาปัญหาการเกิดอุทกภัยในเขตเมืองเชียงใหม่ ที่สร้างความเสียหายต่อพื้นที่ย่านธุรกิจการค้าและพื้นที่พักอาศัย ซึ่งมีพื้นที่ที่เคยเกิดน้ำท่วมประมาณ 44,400 ไร่ ประกอบด้วย พื้นที่ฝั่งตะวันออก 37,300 ไร่ และพื้นที่ฝั่งตะวันตก 7,100 ไร่นอกจากนี้ ประตูระบายน้ำดังกล่าวฯ ยังทำหน้าที่ส่งน้ำให้กับฝายท่าศาลา พื้นที่กว่า 10,000 ไร่ ฝายหนองผึ้ง พื้นที่ 5,200 ไร่ และฝายวังตาล พื้นที่ 8,100 ไร่ และยังบรรเทาปัญหาน้ำเสียในแม่น้ำปิง โดยการระบายน้ำเสียและตะกอนที่ตกทับถมอยู่บริเวณท้องน้ำ ให้ไหลไปทางด้านท้าย เป็นการถ่ายเท และหมุนเวียนน้ำ ทำให้คุณภาพในแม่น้ำปิงดีขึ้น เกษตรกรสามารถกลับมาทำประมงได้อีกครั้ง

ในช่วงระหว่างเดือนสิงหาคม ถึงเดือนพฤศจิกายน 2548 เกิดอุทกภัยจากภาวะน้ำในแม่น้ำปิงเอ่อล้นตลิ่งเข้าท่วมตัวเมืองเชียงใหม่ จำนวน 5 ครั้ง ส่งผลให้เกิดความเสีบหายทางเศรษฐกิจครั้งใหญ่ โดยเมื่อวันที่ 25 สิงหาคม 2548 หลังจากเกิดน้ำท่วมครั้งที่ 1 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ทรงพระราชทานพระราชดำริ ณ วังไกลกังวล อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ในเรื่องปัญหาน้ำท่วมที่จังหวัดเชียงใหม่ ความว่า “โดยสภาพลำน้ำแม่ปิง มีการบุกรุก และลำน้ำแคบ นอกจากนั้น ยังมีฝายหินทิ้งเป็นระยะๆ ทำให้น้ำไหลไม่สะดวก จะต้องปรับปรุงสภาพลำน้ำให้โล่ง และทำอาคารบังคับน้ำหรือประตูระบายน้ำที่ฝายแทน เพื่อให้น้ำไหลสะดวกในฤดูฝน และสามารถยกน้ำไปใช้ในการเกษตรได้ในฤดูแล้ง”จากพระราชดำริข้างต้น ส่งผลให้เกิดมาตรการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมในเขตตัวเมืองเชียงใหม่ และเขตใกล้เคียงขึ้น โดยโครงการประตูระบายน้ำในลำน้ำปิง เป็นหนึ่งในสามของมาตรการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมในเขตตัวเมืองเชียงใหม่ ตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2549 โดยมีการก่อสร้างอาคารประตูระบายน้ำ ควบคุมระดับน้ำอัตโนมัติ บันไดปลาโจร และอาคารท่อส่งน้ำปากคลองจำนวน 3 แห่ง ส่งน้ำให้กับพื้นที่ส่งน้ำฝายท่าศาลา ฝายหนองผึ้ง และฝายท่าวังตาล

“วันนี้นอกจากตนได้ลงพื้นที่มาตรวจเยี่ยมการดำเนินงาน ของโครงการประตูระบายน้ำในน้ำปิงแล้ว ยังตั้งใจมาให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วนของกระทรวงเกษตรฯ ที่ปฏิบัติราชการอยู่ในพื้นที่ 14 จังหวัดภาคเหนือ โดยเฉพาะหลังการลงพื้นที่ในครั้งนี้ ได้เห็นการดำเนินงานตามนโยบายของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ที่เป็นไปอย่างดีเยี่ยม ต้องขอบคุณเจ้าหน้าที่ทุกท่านอีกครั้ง” ดร.ทองเปลว กล่าว

ร่วมแสดงความคิดเห็น