สำนักงานวิจัยแห่งชาติ จัด มหกรรมงานวิจัยเพื่อท้องถิ่นภาคเหนือ ใช้งานวิจัยแก้ปัญหาให้ท้องถิ่น โดยการวิจัยเป็นเครื่องมือในการพัฒนาชุมชนและท้องถิ่น ไปสู่การพึ่งพาตนเอง
ที่มหาวิทยาลัยฟาร์อีสเทอร์น อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ นางสาวคำวิภา คำชาลี ผู้อำนวยการกองส่งเสริมและสนับสนุนการวิจัยและนวัตกรรม สำนักงานวิจัยแห่งชาติ หรือ วช. เปิดงาน มหกรรมงานวิจัยเพื่อท้องถิ่นภาคเหนือ ประจำปี 2568 “เส้นทางพลังปัญญาและคุณค่างานวิจัยเพื่อท้องถิ่นในสังคมไทย” โดยมีนายกิตติพัฒน์ สุวรรณชิน อธิการบดีมหาวิทยาลัยฟาร์อีสเทอร์น ให้การต้อนรับ นางสาวภัทรา มาน้อย หัวหน้าโครงการกลไกภาคเหนือ กล่าวรายงานการจัดงาน
นางสาวคำวิภา คำชาลี ผู้อำนวยการกองส่งเสริมและสนับสนุนการวิจัยและนวัตกรร วช. ระบุว่า การวิจัยเป็นเครื่องมือในการพัฒนาชุมชนและท้องถิ่น ซึ่งกระบวนการที่จะนำไปสู่การพึ่งพาตัวเองโดยใช้หลักเศรษฐกิจพอเพียง คือการใช้กระบวนการทางการวิจัย เพื่อให้ชุมชนท้องถิ่น เข้าถึงทรัพยากร การวิจัยเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจ และสังคมโดยให้ชุมชนสังคมมีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาชุมชน สร้างผลลัพ สร้างเครือข่ายนักวิจัยท้องถิ่นเพื่อแก้ปัญหา ซึ่งในปี 2567 วช. ได้ดำเนินโครงการ กลไกบริหารจัดการงานวิจัยเพื่อท้องถิ่นเพื่อเศรษฐกิจฐานรากภาคเหนือปี 2567 มีการวิจัยท้องถิ่นครอมคลุม 8 จังหวัด ภาคเหนือ ประกอบด้วย จังหวัดเชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง แม่ฮ่องสอน น่าน ตาก พิจิตร และพิษณุโลก รวม 14 โครงการ เพื่อนำองค์ความรู้มาจัดแสดงเพื่อให้ประชาชนสามารถเข้าถึงงานวิจัยได้
ขณะที้ ศาสตราจารย์เกียรติคุณ ปิยวัติ บุญ-หลง อดีตผู้อำนวยการสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัยฝ่ายวิจัยท้องถิ่น ได้ขึ้นปาฐกถาพิเศษ ในหัวข้อ เส้นทางพลังปัญญาและคุณค่างานวิจัยเพื่อท้องถิ่นในสังคมไทย ว่างานวิจัยเพื่อท้องถิ่น หรือ CBR ของไทย เริ่มต้นใน พ.ศ. 2541 ซึ่งมีหัวใจสำคัญคือดารลดความเหลื่อมล้ำในสังคม โดยใช้กระบวนการวิจัย โดยคนในท้องถิ่น ของการขับเคลื่อนงานวิจัยเพื่อท้องถิ่น ซึ่งมีการทำวิจัยอย่างต่อเนื่อง โดยจุดเน้นของงานวิจัยเพื่อท้องถิ่น อยู่ที่ กระบวนการ มากกว่า “ผลลัพธ์” เพื่อให้ชุมชนได้ประโยชน์จากงานวิจัยโดยตรงและให้งานวิจัยมีส่วนในการแก้ปัญหาของชุมชน
ทั้งนี้ ภายในงาน มีการนำโครงการวิจัย ทั้ง 14 โครงการมาจัดแสดงผลการวิจัย การปาฐกถาพิเศษ การจัดเวทีเสวนา และ เหน็ดTalk เพื่อ นำเสนอ มุมคิดที่ได้จากผู้ขับเคลื่อนงานวิจัย
ร่วมแสดงความคิดเห็น