โยก “นิรัตน์” ขึ้นอธิบดีกรมการปกครอง หลังโชว์ผลงานเด่นคุมไฟป่าเชียงใหม่ – บริหารจัดการน้ำท่วมแบบมีส่วนร่วม
ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 8 กรกฎาคม กระทรวงมหาดไทยเสนอแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการระดับสูง 4 ตำแหน่ง โดยที่ประชุมมีมติเห็นชอบให้ นายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ขึ้นดำรงตำแหน่ง อธิบดีกรมการปกครอง คนใหม่
นายนิรัตน์ ถือเป็นข้าราชการที่มีประสบการณ์สายปกครองอย่างโชกโชน โดยก่อนหน้านี้เคยดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดบึงกาฬ อุดรธานี รองปลัดกระทรวงมหาดไทย และล่าสุดเป็นผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2565

ระหว่างดำรงตำแหน่งที่เชียงใหม่ ได้รับการยอมรับว่าเป็นผู้บริหารที่มีผลงานโดดเด่น โดยเฉพาะในการควบคุมสถานการณ์ ไฟป่า-หมอกควัน-ฝุ่น PM2.5 และการบริหารจัดการ น้ำหลากและอุทกภัย ที่ครอบคลุมทั้งเชิงรับและเชิงรุก
ในช่วงฤดูไฟป่าปี 2567 จังหวัดเชียงใหม่สามารถลดจุดความร้อน (hotspot) ลงกว่า 60% และพื้นที่ป่าไหม้ลดลงราว 27% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา จากมาตรการเชิงรุกที่หลากหลาย เช่น การตั้ง War Room กลางจังหวัดและทุกอำเภอ, ใช้เทคโนโลยีดาวเทียมตรวจจับจุดเผา, การตั้งหน่วยลาดตระเวน “สิงห์ไฟ-เสือไฟ-เหยี่ยวไฟ” รวมกว่า 16,000 คน และนโยบาย “ห้ามด้วยการให้” ที่สนับสนุนเครื่องจักรแก่ชุมชนแทนการเผา
พร้อมกันนี้ ยังผลักดันโครงการ “เชียงใหม่อากาศสะอาด” ผ่านความร่วมมือระหว่างภาครัฐ เอกชน และประชาชน รวมถึงแผนสร้างอาชีพทางเลือกและประกันภัยให้เจ้าหน้าที่อาสาดับไฟ ซึ่งทำให้สถานการณ์หมอกควันในปีนี้ลดระดับความรุนแรงลงอย่างมีนัยสำคัญ ทั้งในเชิงสุขภาพและผลกระทบทางเศรษฐกิจ

ในด้านการบริหารจัดการน้ำ นายนิรัตน์วางแผนเชิงพื้นที่แบบมีส่วนร่วม ทั้งการระบายน้ำจากต้นน้ำแม่ริมและดอยสุเทพตั้งแต่ต้นฤดูฝน การบริหารเครื่องสูบน้ำอย่างแม่นยำ การเร่งขุดลอกคลองและฝาย รวมถึงเปิดเวทีรับฟังความเห็นจากประชาชนเรื่องการขุดลอกแม่น้ำปิงเพื่อระบายน้ำช่วงน้ำหลาก นอกจากนี้ ยังจัดตั้ง “จราจรน้ำ” ประสานการผันน้ำไปยังลำเหมืองและระบบชลประทานต่างๆ ได้ทันท่วงที
ในช่วงที่เกิดน้ำท่วมใหญ่เมื่อปลายปี 2566 จังหวัดเชียงใหม่สามารถระบายน้ำออกจากเมืองได้ภายในไม่กี่วัน พร้อมเสนอเงินเยียวยาแก่ผู้ประสบภัยกว่า 14,000 ครัวเรือนและเร่งฟื้นฟูพื้นที่หลังน้ำลดอย่างรวดเร็ว
การแต่งตั้งนายนิรัตน์ในครั้งนี้ จึงสะท้อนความเชื่อมั่นของกระทรวงมหาดไทยที่ต้องการผู้บริหารที่ทั้งมีวิสัยทัศน์และลงมือทำจริง มารับผิดชอบการกำกับดูแลฝ่ายปกครองทั่วประเทศในสถานการณ์ที่ความเปลี่ยนแปลงระดับพื้นที่มีความซับซ้อนมากขึ้นทุกวัน
“การบริหารพื้นที่ ต้องฟังเสียงชาวบ้านและใช้ข้อมูลให้ทันเหตุการณ์ ไม่ใช่สั่งจากบนลงล่างอย่างเดียว” – ถ้อยคำที่เขาเคยกล่าวไว้ ขณะลงพื้นที่ดับไฟป่าที่อำเภอพร้าว
การขึ้นนั่งเก้าอี้อธิบดีกรมการปกครองของนายนิรัตน์ครั้งนี้ จึงอาจไม่ใช่แค่การแต่งตั้งตามวาระ หากแต่เป็นการวางยุทธศาสตร์ใหม่ของกระทรวงมหาดไทยให้หน่วยงานในสังกัด มีหัวใจสำคัญคือ “ประชาชนเป็นศูนย์กลาง” อย่างแท้จริง.

ร่วมแสดงความคิดเห็น