หนุ่มใหญ่แชร์คลิปถูก รปภ.สถานีขนส่งต่อย ด้านโซเซียลบอก…ผิดทั้งคู่!!
วันที่ 11 ก.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันนี้มีการนำคลิปวีดีโอความยาวประมาณเกือบ 1 นาที มาโพสต์ในเฟสบุ๊ก เป็นคลิปเหตุการณ์ที่ถูกบันทึกภายในสถานีขนส่งผู้โดยสาร จ.เชียงราย แห่งที่ 1 ตรงบริเวณจุดจอดรถโดยสารประจำทางหรือรถเมล์ภายในจังหวัด
โดยในคลิปปรากฎภาพชายแต่งชุดเป็น รปภ.ในสถานีขนส่งผู้โดยสาร จ.เชียงราย ที่กำลังโต้เถียงกับผู้ถ่ายคลิป บริเวณด้านหลังรถเมล์ในลักษณะต่อว่าว่าคนถ่ายคลิปขับรถย้อนศรเข้าไปภายในสถานี ก่อนสอบถามว่า “มีปัญหาหรือไม่” และมีเสียงเจ้าของคลิปตอบสวนไปว่า “คุณมีสิทธิ์ผลักผมไหม” จากนั้นชายที่แต่งกายเป็น รปภ.ได้ตอบกลับด้วยเสียงดังว่า “คุณมาด่าพ่อแม่ผมก่อน” ซึ่งทั้ง 2 คน มีการโต้เถียงกันด้วยประโยคนี้หลายครั้ง ก่อนที่คนถ่ายคลิปจะถูกชก โดยผู้ถ่ายได้ตะโกนท้าทายให้ รปภ. ตีตนเองอีก พร้อมทั้งบันทึกคลิปไปด้วย และเรียกร้องให้คนที่ยืนอยู่ด้านข้างให้เป็นพยาน ก่อนที่คลิปจะจบลงไปโดยที่ยังมีการชกต่อยกันอยู่
ต่อมาผู้โพสต์ซึ่งทราบชื่อในภายหลังคือนายพลภัทร (สงวนนามสกุล) อายุ 47 ปี ชาว อ.สันป่าตอง จ.เชียงใหม่ ได้นำหลักฐานเข้าแจ้งความร้องทุกข์กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ เมืองเชียงราย ว่าได้ถูกทำร้ายร่างกาย ทางเจ้าหน้าที่จึงสอบปากคำเบื้องต้น ซึ่งนายพลภัทรให้การว่า วันนี้เวลาประมาณ 10.30 น. วันเดียวกันได้ขับขี่รถจักรยานยนต์เข้าไปในสถานีขนส่งผู้โดยสาร จ.เชียงราย แห่งที่ 1 ถนนประสพสุข อ.เมืองเชียงราย เพื่อจะเข้าไปทำธุระ แต่ได้มีบุคคลแต่งกายเป็นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยในสถานีห้ามปรามไม่ให้ขับรถเข้าไปในสถานี แต่ตนเกรงว่าเอกสารที่นำไปด้วยจะเปียกน้ำเสียหายจึงขับเข้าไปแล้วจอดรถเอาไว้บริเวณด้านหลังรถโดยสารประจำทางที่จอดอยู่ในสถานี ทำให้ รปภ.ใช้กำปั้นชกเข้าบริเวณใบหน้าและได้รับบาดเจ็บ ซึ่งทาง พ.ต.ท.ขรศักดิ์ จึงรับเรื่องเอาไว้และนำตัวไปตรวจชันสูตรบาดแผลกับแพทย์ที่โรงพยาบาลศูนย์การแพทย์ มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง (มฟล.) และตรวจหลักฐานซึ่งพบว่าช่วงเกิดเหตุได้มีผู้ถ่ายคลิปเอาไว้ด้วย ทางเจ้าหน้าที่จึงจะเรียกบุคคลที่แต่งกายเป็น รปภ.ดังกล่าวไปสอบปากคำตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป
แต่ภายหลังจากที่มีการเผยแพร่คลิปดังกล่าวในสื่อโซเซียล ก็ได้มีผู้มาแสดงความคิดเห็น โดยส่วนใหญ่ให้ฟังความทั้ง 2 ฝ่าย อย่าด่วนตัดสินใจ บางคนก็แสดงความเห็นว่าคนโพสต์ไม่ควรขับรถย้อนศร เพราะอาจเกิดอันตรายต่อตนเองและผู้อื่น ส่วน รปภ. ก็ไม่ควรใช้กำลัง ควรเข้าไปตักเตือนก็พอ และยังมีอีกหลายความเห็นที่ไม่เห็นด้วยกับการกระทำของทั้งคู่
ร่วมแสดงความคิดเห็น