ชาวบ้านในพื้นที่ อ.แม่จัน รวมตัวยื่นหนังสือคัดค้านการสร้างเหมืองแร่หินแกรนิต ต่อ ผวจ.เชียงราย
เวลา 10.30 น. วันที่ 1 ม.ค. 66 ชาวบ้านจาก 7 ชุมชนในพื้นที่ ต.แม่จัน และ ต.สันทราย อ.แม่จัน จ.เชียงราย จำนวนประมาณ 100 คน ได้มารวมตัวกันที่หน้าศาลากลางจังหวัดเชียงราย เพื่อยื่นหนังสือคัดค้านการสร้างเหมืองแร่หินแกรนิตเพื่อการก่อสร้าง เนื่องจากหวั่นผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม สุขภาพ และวิถีชีวิต จึงมาร้องขอความเป็นธรรมกับผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย โดยมีนางกฤษนันท์ ทะวิชัย อุตสาหกรรมจังหวัดเชียงราย เป็นตัวแทนรับหนังสือร้องเรียน และมีนายนิติพล ผิวเหมาะ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล ซึ่งมีที่อยู่อาศัยอยู่ในเขตพื้นที่ได้รับผลกระทบ เป็นแกนนำในการเข้ายื่นหนังสือดังกล่าว
นส.พัชรี ปารีเรือน 40 ปี ชาวบ้านดงสุวรรณ ม.5 ต.สันทราย ให้ข้อมูลว่า วันนี้ชาวบ้านรวมตัวมายื่นหนังสือต่อ ผวจ.เชียงราย เพื่อคัดค้านการทำเหมืองแร่ เพราะเป็นห่วงผลกระทบต่อชาวบ้านในพื้นที่รอบเหมือง เพราะเหมืองดังกล่าวอยู่ในพื้นที่ต้นน้ำ หวั่นกระทบวิถีชีวิตทั้งของชาวบ้าน สัตว์ป่า และที่อยู่อาศัยในชุมชนรอบเหมืองแร่ไม่ได้ก่อสร้างโดยคำนึงถึงผลกระทบของแรงระเบิดจากเหมืองแร่มาตั้งแต่แรก กลัวว่าเมื่อมีการระเบิดหินจะส่งผลกระทบต่อโครงสร้างของบ้าน จึงอยากคัดค้านไม่อยากให้เกิดขึ้น

และ น.ส.สุวิมล ซาวคำเขต อายุ 34 ปี ชาวบ้านดงสุวรรณ ม.5 ต.สันทราย กล่าวเสริมว่า พื้นที่บ้านดงสุวรรณและใกล้เคียง ตั้งอยู่บนรอยเลื่อนแม่จัน ซึ่งมีความกว้าง 32 กม. หากมีการระเบิดหินก็เกรงว่าแรงระเบิดดังกล่าวจะส่งผลกระทบไปถึงรอยเลื่อนดังกล่าวด้วย ชาวบ้านไม่รู้จะหันหน้าไปพึ่งใคร จึงต้องเดินทางมาขอความช่วยเหลือจากผู้หลักผู้ใหญ่ในจังหวัด
นางกฤษนันท์ ทะวิชัย อุตสาหกรรมจังหวัดเชียงราย ซึ่งมารับหนังสือแทน ผวจ.เชียงราย กล่าวว่า ทางอุตสาหกรรมจังหวัดและผู้มีส่วนเกี่ยวข้องได้รับทราบถึงปัญหาและข้อกังวลเกี่ยวกับการก่อสร้างเหมืองหินดังกล่าวแล้ว แต่จากข้อมูลทราบว่าเหมืองดังกล่าวกำลังอยู่ในระหว่างการขออนุญาตและรับฟังความคิดเห็นของชาวบ้าน ยังไม่ได้เปิดดำเนินการ ซึ่งล่าสุดได้มีการรับฟังความคิดเห็นไปเมื่อวันที่ 25-26 ก.พ. ที่ผ่านมา แต่เมื่อทางชุมชนโดยรอบต่างก็มีมติคัดค้าน ก็ได้ให้ทางเหมืองแร่ดังกล่าวได้ระงับการดำเนินงานไว้ก่อน ส่วนที่ว่าเจ้าของจะนำเอาไปใช้ประโยชน์อย่างอื่นที่ไม่มีผลกระทบกับชุมชนก็สามารถทำได้ แต่หากพบว่าเริ่มดำเนินการระเบิดเหมืองขึ้น ทางชุมชนก็สามารถแจ้งเข้ามาที่อุตสาหกรรมจังหวัด จะได้ส่งเจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบให้

หลังจากทางชาวบ้านได้ยื่นหนังสือ และได้ทราบว่ามีการระงับการดำเนินงานของทางบริษัทผู้ขอประทานบัตรเหมืองแร่ดังกล่าวแล้ว ก็มีท่าทีพอใจและได้แยกย้ายกันกลับบ้าน แต่ก็ยังจะมีคัดค้านและเฝ้าระวังกันอย่างต่อเนื่องอยู่
การชุมนุมคัดค้านดังกล่าว มาจากกรณีที่บริษัท ณ สโตน จำกัด ได้ยื่นคำขอประทานบัตรทำเหมืองแร่ หินอุตสาหกรรม ชนิดหินแกรนิต เพื่ออุตสาหกรรมก่อสร้าง เจ้าพนักงานอุตสาหกรรมแร่ประจำท้องที่จังหวัดเชียงราย รับจดทะเบียนไว้เป็นคำขอที่ 1/2565 เนื้อที่ประมาณ 65 ไร่ 0 งาน 24 ตร.ว. ตั้งอยู่หมู่ที่ 13 ต.แม่จัน อ.แม่จัน จ.เชียงราย และเจ้าพนักงานอุตสาหกรรมแร่ประจำท้องที่จังหวัดเชียงราย ได้มีประกาศจัดให้มีการรับฟังความคิดเห็นของชุมชนในพื้นที่ที่ขอประทานบัตร ตามความในมาตรา 56 วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติแร่ พ.ศ.2560
โดยจัดที่บ้านธรรมจาริก หมู่ที่ 13 ตำบลแม่จัน อ.แม่จัน จ.เชียงราย ในวันที่ 26 ม.ค. 66 และบ้านดงสุวรรณ หมู่ที่ 5 ต.สันทราย อ.แม่จัน จ.เชียงราย ในวันที่ 27 ม.ค. 66 นั้น ชาวบ้านในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบอันประกอบด้วยบ้านธรรมจาริก ม.13 บ้านหนองแว่น ม.9 บ้านจอป่าคา ม.14 บ้านสันต้นแหน-สวนสัก ม.5 บ้านป่าอ้อ ม.11 ต.แม่จัน อ.แม่จัน จ.เชียงราย บ้านดงสุวรรณ ม.13 และบ้านแหลว-นาล้อม ม.9 ต.สันทราย อ.แม่จัน ได้รวบรวมรายชื่อผู้คัดค้านการก่อสร้างเหมือวแร่ดังกล่าว จำนวน 868 คน และขอใช้สิทธิอันชอบธรรมตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2560 ม.43 ม.50 (8) ม.57 และ ม.58 ขอแสดงจุดยืนคัดค้านการขอประทานบัตรการเหมืองแร่ดังกล่าว โดยให้เหตุผลว่า

1.คำขอประทานบัตรดังกล่าว ย้อนแย้งต่อหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงและการพัฒนาที่ยังยืน
2.คำขอประทานบัตรดังกล่าวขัดต่อแผนแม่บทการบริหารจัดการแร่ ฉบับที่ 2 (พ.ศ.2566-2570) กล่าวคือ เหมืองแร่ดังกล่าวตั้งอยู่พื้นที่น้ำซับ น้ำซึม แหล่วต้นน้ำแหลวและน้ำหะ อยู่ในพื้นที่หวงห้ามตาม พรบ.แร่ พ.ศ.2560 ม.17 วรรค 4 และพื้นที่ดังกล่าวไม่ปรากฏว่าเป็นพื้นที่ที่มีศักยภาพในการทำเหมืองแร่ ตามพื้นที่เขตเหมืองแร่เพื่อการทำเหมือง และพื้นที่ขออนุญาตอยู่ในเขตผังเมืองสีเขียว ตามผังเมืองรวมจังหวัดเชียงราย พ.ศ.2556 และผังเมืองรวมจังหวัดเชียงราย ฉบับที่ 2 พ.ศ.2561
3.พื้นที่ขอประทานบัตร มีความสุ่มเสี่ยงที่จะเกิดผลกระทบรุนแรงต่อวิถีชีวิตชุมชน สิ่งแวดล้อม และสุขภาพของประชาชนที่อาศัยอยู่รอบพื้นที่โครงการ
4.ประชาชนในพื้นที่ไม่ได้มีส่วนร่วมในการทำรายงานผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม (EIA) เป็นฝ่ายเอกชนเจ้าของโครงการที่ดำเนินการฝ่ายเดียว
ร่วมแสดงความคิดเห็น