เมื่อเวลา 11.30 น.วันที่ 15 มิ.ย. 2566 นางรัตนกาญน์ อายุ 56 ปี พร้อมกับชาวบ้าน บ้านห้วยห้า ซอย 18 ต.บ้านโฮ่ง อ.บ้านโฮ่ง จ.ลำพูน ได้เปิดเผยถึงความเดือดร้อนจากฟาร์มโคนม ทั้งกลิ่นเน่าเหม็นจากอาหารสัตว์และมูลวัว ตลอดที้งกลางวันและกลางคืนมานานหลายปี
โดยเริ่มต้นมาตั้งแต่ปี 2561 มีชายวัย 30 ปีมีบ้านใกล้กันและเป็นเครือญาติได้บอกว่าจะนำวัวเนื้อมาเลี้ยง 4-5 ตัวมาเลี้ยงในสวน แต่ก็ไม่มีใครว่า คงนำวัวมาขุนให้โตแล้วก็ขาย ต่อมาปี 2562 ชายดังกล่าวได้เปลี่ยนเลี้ยงวัวเนื้อมาเป็นเลี้ยงโคนม และได้ขอประชามติกับชาวบ้าน ที่ประชุมมีชาวบ้านเข้าร่วมทำประชามติ จำนวน 60 คน ผลลงมติ มีผู้ไม่เห็นด้วย 14 เสียง ,เห็นด้วย 4 เสียง ที่เหลืองดออกเสียง เนื่องจากมีบ้านเรือนที่อยู่อาศัยอยู่ห่างไกลออกไป

ส่วนชายเจ้าของฟาร์มได้ฝืนประชามติมีการเลี้ยงโคนมเพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อยๆส่งกลิ่นเหม็นฟุ้งตลอดทั้งกลางวันถึงกลางคืน มีผลกระทบต่อชาวบ้านใกล้เรือนเคียงเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะผู้สูงอายุที่เป็นผู้ป่วยต้องใส่แมสตลอด 24 ชั่วโมง และเด็กนักเรียนยามค่ำคืน เวลาอ่านหนังสือ หรือ ทำการบ้าน แทนที่จะเปิดประตูหน้าต่างเพื่อรับลมเย็นที่พัดโชยมาตามธรรมชาติ ก็ต้องปิดประตูหน้าต่าง ก็ผจญกับอากาศที่ร้อนอบอ้าว
ทางชาวบ้านทนไม่ไหวจากกลิ่นเหม็นจากฟาร์มโคนมแห่งนี้ เข้าร้องเรียนมาโดยตลอด ล่าสุดเมื่อวันที่ 27 มีนารม 2566 ได้ร้องทุกข์ที่ศูนย์ดำรงธรรมอำเภอบ้านโฮ่ง และทางปลัดอำเภอมีหนังสือให้เทศตำบลอำเภอบ้านโฮ่ง ดำเนินการออกคำสั่งให้ทางฟาร์มเคลื่อนย้ายฟาร์ม ตามที่ตกลงเป็นลายลักษณ์อักษร เมื่อปี2563 จะทำการเคลื่อนย้ายเมื่อครบ 3 ปี ตอนนี้ได้ครบกำหนดตามสัญญา แต่ยังไม่มีการเดรื่อนย้ายออกจากพื้นที่แต่อย่างใด

จีงขอแจ้งให้ ทต.บ้านโฮ่ง ในฐานะเจ้าพนักงานท้องถิ่นออกคำสั่งให้เจ้าของฟาร์มเำเนินการรื้อถอน หากเจ้าของฟาร์มไม่ดำเนินการรื้อถอนตามคำสั่งเทศบาล ขอให้เทศบาลตำบลบ้านโฮ่งแจ้งรวามร้องทุกข์ดำเนินคดีกับเจ้าของฟาร์ม
หลังจากนั้นทางเจ้าของฟาร์มโคนม ยังดำเนินกิจการตามปกติถึงทางชาวบ้านยังร้องทุกข์อย่างต่อเนื่องก็ตาม และยังทราบว่าทางเทศบาลฯจะออกใบอนุญาตให้อีก ซี่งทางชาวบ้านจะได้รวมตัวกันเข้าคัดค้านต่อนายอำเภอบ้านโฮ่งกันน่อไป








ร่วมแสดงความคิดเห็น