เร่งช่วยเหลือหวั่นคิดสั้น หลังเด็กวัย 12 น้อยใจขังตัวเองในห้อง
เมื่อวันที่ 9 สิงหาคม 2565 เวลา 20.20 น. ศูนย์วิทยุ 191 ได้รับแจ้งจากผู้ปกครองของเด็กชายวัย 12 ปี ที่เป็นลูกชายของตนเอง ได้ขอกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจให้มาช่วยระงับเหตุ เนื่องจากลูกชายของตนเองได้อาละวาด แล้วเข้าไปหลบในห้องนอนขังตัวเอง หลังจากได้รับแจ้งแล้วได้ประสานแจ้งให้ เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองน่าน พร้อมด้วยอาสาสมัครกู้ชีพกู้ภัย เข้างัดประตูห้อง เพื่อเข้าช่วยเหลือนำตัวลูกชาย ที่ขังตัวเองอยู่ในห้อง เมื่อไปถึงพบว่า ประตูห้องไม่สามารถเปิดได้ ซึ่งเข้าใจว่าลูกชายขยับตู้เสื้อผ้ามาขวางประตูไว้ไม่ยอมเปิดประตู และเข้าใจว่าเกรงจะทำร้ายตัวเอง

โดยที่ผู้ปกครองของเด็กชายวัย 12 ปี เล่าว่าเมื่อเวลาประมาณ 18.30 น. เนื่องจากเด็กชายรายดังกล่าวได้อาละวาดแล้วเข้าไปหลบในห้องนอนขังตัวเองไว้ ซึ่งตนเองได้ พยายามพูดคุยแล้วแต่ไม่ได้ผล เกรงจะทำร้ายตัวเอง หลังรับแจ้งกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจพร้อมอาสากู้ชีพกู้ภัยกว่า 20 นาย เข้าให้การช่วยเหลือโดยใช้ยุทธวิธี คือการเจรจาให้ลูกชายให้เปิดประตู โดยใช้เวลาเจรจาดังกล่าวให้เปิดประตูกว่า 2 ชั่วโมงก็ไม่เป็นผล
โดยทางทีมงานที่เข้าไปให้ความช่วยเหลือ จึงได้ขออนุญาตมารดาของเด็กชายวัย 12 ปีรายดังกล่าวเพื่อพังประตูเข้าไปเนื่องจากเด็กไม่ตอบสนองหรือตอบรับใดๆ โดยมารดาของเด็กได้อนุญาต เพราะเกรงว่าเด็กจะคิดสั้นหรือทำร้ายตัวเองไปแล้วก็ได้
ทีมงานเจ้าหน้าที่ใช้กำลังกว่า 15 คน ผลักดันพังประตู เข้าไปจนตู้เสื้อผ้าที่กันไว้ ได้ล้มก็ไม่สามารถเข้าประตูไปได้ จึงตัดสินใจปีนหลังคาเข้าไปทุบกระจกห้อง แล้วเข้าไปนำตัวเด็กชายวัย 12 ที่อยู่ในสภาพนอนชักเกร็งนำตัวส่งโรงพยาบาลน่านอย่างเร่งด่วน เพื่อให้การช่วยเหลือ

ซึ่งทางญาติของเด็ก ที่อยู่ในเหตุการณ์ ที่มีความรู้ทางการแพทย์ คาดว่าเด็กเกิดอาการ Hyperventilation Syndrome ซึ่งอาการดังกล่าวเกิดจากปริมาณคาร์บอนไดออกไซด์ ในเลือดลดลง ทำให้เกิดการหดตัวของเส้นเลือดที่ไปเลี้ยงส่วนต่างๆ ของร่างกาย โดยเฉพาะที่สมอง รวมทั้งมีการลดลงของค่าแคลเซียมที่เป็นตัวออกฤทธิ์ในเลือดลดลงด้วย อาการดังกล่าว มักสัมพันธ์กับภาวะวิตกกังวล โดยก่อนเกิดอาการอาจพบว่า ผู้ป่วยมักมีปัญหากดดันจิตใจอย่างเห็นได้ชัด เช่น ทะเลาะกับคนใกล้ชิด ปัญหาทางครอบครัว หรือที่ทำงาน หรือมีปัญหาการเรียน ต้องสอบ หรือเรียกร้องความสนใจ จากบุคคลภายในครอบครัว เป็นต้น
อย่างไรก็ตามลักษณะ อาการดังกล่าว อาจคล้ายคลึงกับอาการหอบ จากสาเหตุทางกายได้หลายสาเหตุ เช่น โรคหอบหืด (asthma) ภาวะหัวใจขาดเลือด ภาวะเป็นกรดในเลือดจากเบาหวาน (diabetic ketoacidosis) และอื่นๆ ดังนั้น ผู้ป่วยจึงต้องได้รับการซักประวัติ การตรวจร่างกาย และส่งตรวจทางห้องปฏิบัติการที่จำเป็น เพื่อให้ได้รับการวินิจฉัยและการดูแลที่ถูกต้องตามสาเหตุต่อไป
ทั้งนี้หากพบเด็กที่มีภาวะทางอารมณ์ที่แปรปรวน เสี่ยงที่จะก่อเหตุการณ์ไม่คาดฝันหรือมีแนวโน้มจะทำร้ายตัวเองหรือคิดสั้น ควรรีบแจ้งเจ้าหน้าที่ เพื่อจะได้ทำการรักษาหรือให้การช่วยเหลือได้ทันท่วงที












ร่วมแสดงความคิดเห็น