ช่างตัดผมชื่อดังเชียงใหม่ สุดเซ็งกลายเป็นผู้สัมผัสเสี่ยงสูง หลังลูกค้าติดโควิด-19 ใช้บริการ จำเป็นต้องปิดร้าน 14 วัน

จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอกใหม่ในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ ส่งผลกระทบอย่างมากต่อผู้คนหลากหลายอาชีพ จากการต้องปฏิบัติตามมาตรการควบคุมป้องกันการแพร่ระบาดของโรคอย่างต่อเนื่อง ผู้ใช้โซเชียลมีเดียท่านหนึ่ง ซึ่งเป็นของช่างตัดผมฝีมือดีรายหนึ่งในจังหวัดเชียงใหม่ ที่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักจากการที่มักจะร่วมรณรงค์ และสะท้อนประเด็นปัญหาต่างๆ ในสังคมผ่านการตัดผมแกะลาย เช่น กรณีป่าแหว่ง, ยิงเสือดำ หรือบอส กระทิงแดง เป็นต้น ได้โพสต์บอกเล่าเรื่องราวผลกระทบที่เกิดขึ้นจากสถานการณ์โควิด-19 โดยล่าสุดเจ้าตัวต้องประกาศปิดร้านเป็นเวลา 14 วัน เนื่องจากกลายเป็นผู้สัมผัสเสี่ยงสูง ต้องเข้ารับการตรวจคัดกรองหาเชื้อ เพราะมีลูกค้ารายหนึ่งที่มาใช้บริการติดเชื้อโควิด-19

ทั้งนี้เจ้าตัวได้เข้ารับการตรวจแล้วที่โรงพยาบาลหางดง จังหวัดเชียงใหม่ ที่ให้บริการแบบไดร์ฟทรู พร้อมรีวิวว่าขั้นตอนสะดวกสบาย และชื่นชมการทุ่มเทเสียสละทำงานของบุคลากรสาธารณสุข อย่างไรก็ตาม สิ่งเกิดขึ้นทำให้ต้องขาดรายได้ และเดือดร้อน ครอบครัวที่ต้องรับความเสี่ยงไปด้วย นอกจากนี้ระหว่างที่ยังรอผลตรวจ และต้องกักตัวอยู่บ้าน ยังกลับมาถูกผู้คนในสังคมรอบข้างจำนวนหนึ่ง กล่าวหาว่าติดเชื้อโควิด-19 ทำให้ตัวเอง และครอบครัวถูกรังเกียจ และเข้าใจผิด จนต้องโพสต์ตัดพ้อเกี่ยวกับเรื่องราวที่เกิดขึ้น ซึ่งมีผู้เข้าไปแสดงความเห็น และให้กำลังใจจำนวนมาก

ขณะที่จากการสอบถามช่างตัดผมท่านหนึ่ง อายุ 39 ปี เปิดเผยว่า การโพสต์ดังกล่าว สืบเนื่องจากนับตั้งแต่ที่เกิดโควิด-19 ครั้งแรก ตัวเองได้รับผลกระทบมาตลอด จนกระทั่งการระบาดระลอกล่าสุด ซึ่งจากการที่มีมาตรการเข้มงวดทำให้รายได้ขาดหายไปเกินกว่าครึ่ง โดยรายจ่ายต่างๆ และภาระหนี้สินยังมีเหมือนเดิม แต่ตัวเองพยายามดิ้นรนขวนขวายหารายทางอื่นๆ มาเสริมตลอด กระทั่งล่าสุดมากลายเป็นผู้สัมผัสเสี่ยงสูง ทำให้ต้องปิดร้าน 14 วัน เพื่อตรวจคัดกรองหาเชื้อ และกักตัว ซึ่งยิ่งทำให้เดือดร้อนมากยิ่งขึ้นไปอีก เพราะนอกจากทุกคนในครอบครัวต้องเสี่ยงไปด้วยแล้ว ยังทำให้ขาดรายได้นำมาใช้จ่ายในครอบครัว

โดยเฉพาะการนำไปชำระหนี้สินต่างๆ ที่สะสมพอกพูนมาตั้งแต่แรกเริ่มที่มีการระบาดของโควิด-19 แล้ว เพราะที่ผ่านมา แม้ว่าภาครัฐจะมีมาตรการช่วยเหลือด้วยการให้พักชำระหนี้ แต่ปรากฎว่าดอกเบี้ยไม่มีการพักด้วย ทำให้เดือดร้อนหนัก เพราะรายได้ลดลง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อต้องปิดร้านจากการที่โควิด-19 ยังคงระบาด และยิ่งต้องปิดร้านอีก ทำให้ไม่มีรายได้ “จึงอยากเรียกร้องให้ภาครัฐทบทวนมาตรการช่วยเหลือเยียวยาประชาชนที่ต้องปิดร้านหรือหยุดงาน เพื่อร่วมหยุดเชื้อเพื่อชาติให้ดีกว่านี้”

นอกจากนี้ จากการที่ตัวเองถูกกล่าวหาว่าติดเชื้อโควิด-19 จนถูกสังคมรอบข้างส่วนหนึ่ง แสดงออกเชิงรังเกียจ ไม่กล้าเข้าใกล้แม้แต่รั้วบ้าน ทั้งที่ยังอยู่ระหว่างการรอผลตรวจ และกักตัวอยู่บ้าน ทำให้รับรู้และเข้าใจผู้ที่ติดเชื้อโควิด-19 ทั้งที่อยู่ระหว่างการรักษา และรักษาหายแล้ว เป็นอย่างดีว่าจะมีความรู้สึก และสภาพจิตใจอย่างไร ทั้งนี้จากการที่ถูกมองเช่นนั้น จึงอยากวิงวอนให้ผู้คนในสังคมทำความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับโรคนี้ ให้มากกว่านี้ว่าโรคนี้แม้ว่าจะมีความร้ายแรงแต่สามารถป้องกันได้ ด้วยการปฏิบัติตามมาตรการต่างๆ อย่างเคร่งครัด อีกทั้งหากติดเชื้อแล้วก็สามารถรักษาให้หายได้เช่นเดียวกัน ซึ่งส่วนตัวไม่ถือโทษโกรธเคืองที่ถูกมองเชิงลบเช่นนั้น แม้จะเสียความรู้สึกบ้างก็ตาม โดยหากตัวเองติดเชื้อจริงๆ ก็เข้ารับการรักษา ส่วนถ้าผลออกมาเป็นลบก็จะกักตัวต่อไปจนครบ 14 วัน และกลับไปดิ้นรนทำมาหากินต่อ พร้อมกันนี้อยากขอให้กำลังใจแพทย์ พยาบาล และบุคลากรทางสาธารณสุขทุกคน ที่ทุ่มเททำงานในช่วงสถานการณ์เช่นนี้

ร่วมแสดงความคิดเห็น