ชาวบ้านที่เชียงของรวมตัว! ร้องกรณีค่าเวณคืนที่ดินสร้างทางรถไฟเด่นชัย-เชียงของ ราคาไม่เป็นธรรม จี้รัฐทบทวนใหม่
เวลา 9.00 น. วันที่ 29 ก.ค. 65 ณ วัดสถาน ต.สถาน อ.เชียงของ จ.เชียงราย ชาวบ้านจาก ต.สถาน ต.ห้วยซ้อ ต.ศรีดอนชัย และ ต.เวียง กว่า 100 คนร่วมประชุมที่ศาลาวัด ในประเด็นค่าทดแทนการเวณคืนพื้นที่ในการสร้างทางรถไฟทางคู่ เด่นชัย – เชียงของ ที่ผ่านพื้นที่ 4 ตำบลของอำเภอเชียงของ
นายเพิ่ม กรรณิการ์ ข้าราชการบำนาญตัวแทนตำบลสถาน กล่าวในที่ประชุมชาวบ้านว่า เนื่องจากวันที่ 26 ก.ค. ที่ผ่านมา มีชาวบ้าน 20 กว่าราย ได้รับหนังสือแจ้งให้ไปพบเรื่องการจ่ายค่าทดแทนการเวณคืนที่ดินจากบุคคลที่กล่าวอ้างว่าเป็นตัวแทนในการมาเซ็นสัญญากับเจ้าของที่ดิน โดยได้ใช้ราคา 3.14 เท่าของราคาประเมิน ทำให้ตกอยู่ไร่ละ 3-4 แสนบาท

โดยมีเจ้าของที่ดินเซ็นสัญญาไปประมาณ 2-3 ราย แต่ยังมีอีกจำนวนกว่า 20 ราย ยังไม่ยอมเซ็นยอมรับค่าทดแทนที่แจ้งมาในสัญญา และมีชาวบ้านจำนวนมากที่รู้ราคาต่างแปลกใจในขั้นตอนดำเนินการว่าทำไมมีมีการชี้แจงรายละเอียดโครงการและการคำนวณราคา จากคณะกรรมการประเมินราคา และทำไมเรียกไปเซ็นสัญญาเป็นราย ๆ ไป อย่างเร่งรีบใน 3-4 วันที่ผ่านมา จึงมารวมตัวกันเพื่อรับฟังและหารือกันถึงขั้นตอนและแนวทางที่จะอุทรณ์ในเรื่องราคา เพราะในพื้นที่สถานีรถไฟซึ่งใกล้กับศูนย์เปลี่ยนถ่ายสินค้าที่หน้าด่านสะพานมิตรภาพไทย-ลาวแห่งที่ 4 ที่มีการเวณคืนเมื่อปี 2558 ที่ สปก.ราคาไร่ละ 1.5 ล้านบาท โฉนดไร่ละ 2.5 ล้านบาท แต่การเวณคืนทางรถไฟจะให้เพียงไร่ละ 3-4 แสนบาท ในพื้นที่ที่ใกล้กันมันราคาค่ำเกินไป ดังนั้นชาวบ้านที่ไม่เซ็นสัญญาก็จะอุทธรณ์ไปยังกระทรวงคมนาคมต่อไป

นายเพิ่ม กล่าวว่า หากชาวบ้านไม่พอใจราคา และยังไม่เซ็นสัญญา แม้ว่าผู้เวณคืนจะนำเงินไปวางไว้ที่ธนาคารออมสินเพื่อเข้าพื้นที่ก่อสร้าง สามารถยื่นอุทรณ์ได้ภายใน 90 วัน หลังได้รับหนังสือแจ้งจ่ายค่าทดแทน และคณะกรรมการฯ ต้องพิจารณาภายใน 30 วัน หลังยื่นอุทธรณ์
นางมิรันตี บุญแก้ว อดีตผู้สมัคร สส.จังหวัดเชียงราย กล่าวว่า จากที่ได้สอบถามทราบว่าการเข้ามาเจรจาและแจ้งให้ชาวบ้านไปเซ็นสัญญานั้น เบื้องต้นทราบว่ามีการแจ้งชาวบ้านที่ต้องถูกเวณคืนเกือบเต็มทั้งผืน และบริเวณที่จะสร้างสถานีรถไฟก่อน

อย่างไรก็ตามตนเองเห็นว่ายังการดำเนินการที่ไม่ถูกต้องตามขั้นตอน และคิดว่าควรจะมีการทบทวนราคาที่เป็นธรรมกว่านี้ เพราะการที่ราคาเหลื่อมล้ำกันมาก เมื่อเปรียบเทียบกับพื้นที่ใกล้เคียงที่เคยเวณคืน และการตั้งราคาพื้นที่แต่ละแปลงในช่วงนี้ เช่น ติดถนนใหญ่ราคา 8 ล้านบาท ที่มีไม่กี่ผืน แต่พื้นที่ด้านในเป็น 1.8 ล้านบาท ลดหลั่นไปจึงถึง 3 แสนบาท เป็นการลักลั่นเรื่องราคา ที่ต้องการการชี้แจงการกำหนดราคาจากคณะกรรมการประเมินราคาที่ดิน
“ขณะนี้หากชาวบ้านที่ได้รับการแจ้งราคาร้องให้ช่วยเหลือ และเตรียมเอกสารให้ครบ ก็จะนำไปยื่นที่กระทรวงคมนาคมในช่วงกลางเดือนหน้า” นางมิรันตีกล่าว

ทั้งนี้ผู้เข้าร่วมประชุมกล่าวว่า บางแปลงราคาจำนองธนาคาร 3 ไร่ วงเงินสินเชื่อ 2.5 ล้านบาท แต่ได้รับการแจ้งราคาเพียง 1.5 ล้านบาท ซึ่งไม่เพียงพอที่จะไถ่ถอน และที่ประชุมเห็นร่วมกันว่า คณะกรรมการฯ ต้องทบทวนราคาใหม่ เพราะราคาที่แจ้งไม่สามารถนำไปซื้อที่ดินใหม่เพื่อทำเกษตรหรืออาศัยได้ และควรมีความชัดเจนในการพิจารณาคำนึงถึงผลกระทบต่อรายได้ชาวบ้านที่อาศัยพื้นที่ที่เวณคืนในการหารายได้เลี้ยงชีพด้วย อย่างน้อยราคาไม่ควรห่างกันมาก โฉนดน่าจะล้านกว่าขึ้นไป ส่วนพื้นที่ที่ไม่มีเอกสารสิทธิ์ แต่เป็นพื้นที่ทำกินและไม่ใช่เขตป่าควรได้รับการพิจารณาด้วย
การเวณคืนที่ผ่านมา หลายครั้งมีการเวณคืนไปจำนวนมากไปสร้างที่พักอาศัยให้เจ้าหน้าที่หน่วยงาน เกินจำนวนที่พักอาศัยจริง ขณะที่ชาวบ้านต้องสูญเสียที่ทำกิน จึงต้องการให้ทางรัฐมนตรีกระทรวงคมนาคม และรัฐบาลทบทวนการเวณคืนและเห็นใจชาวบ้าน

ร่วมแสดงความคิดเห็น