เมื่อวันที่ 21 มิถุนายน 2568 ที่ผ่านมา สมาคมอนุตราจารย์ชิงไห่ นานาชาติ (ประเทศไทย) จัดงานเสวนาและฉายภาพยนตร์ละครเพลง “The Real Love” ณ หอศิลปวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อเปิดพื้นที่พูดคุยเกี่ยวกับภัยพิบัติ ภาวะโลกร้อน และทางรอดของโลกผ่านแนวคิด Vegan เพื่อสันติภาพและสิ่งแวดล้อม การจัดงานในครั้งนี้ ได้รับเกียรติจาก ดร.สรรเพชร จันทะเสน นายกสมาคมมังสวิรัติไทย มาเป็นประธานเปิดงาน ดร.สรรเพชรได้กล่าวถึง ความมั่นคงทางอาหารของประชากรโลก ข้อมูลจาก GRFC (Global Report on Food Crises) เผยว่า ประชากรทั่วโลกมากกว่า 295 ล้านคนกำลังเผชิญภาวะหิวโหยชั้นวิกฤตในปี 2024 ท่ามกลางสงคราม เศรษฐกิจผันผวน และภัยพิบัติ สะท้อนปัญหาของการลดลงในทรัพยากรธรรมชาติที่ลดลง และสะท้อนความล้มเหลวระกับโลก ทางแก้คือการรับประทานอาหารมังสวิรัติ หรืออาหาร vegan เป็นทางเดียวที่จะลดปัญหาการขาดแคลนทรัพยากรอาหาร และช่วยสิ่งแวดล้อม
“ความเสี่ยงที่ใหญ่ที่สุด คือการที่เราไม่รู้ว่าเรากำลังเสี่ยงกับอะไรอยู่”
“หนีให้ทันใน 7 นาที!” รศ.ดร.เสรี เตือนภัยพิบัติถี่ขึ้น แนะชุมชนเข้มแข็ง-กินพืชลดโลกร้อน
รศ.ดร.เสรี ศุภราทิตย์ ผู้เชี่ยวชาญด้านภูมิอากาศโลก ออกมาเตือนในงานเสวนา The Real Love ว่า โลกกำลังเผชิญกับภัยพิบัติรุนแรงและถี่ขึ้น ไม่ว่าจะเป็นพายุ ฝนระเบิด คลื่นความร้อน หรือแม้แต่แผ่นดินไหว โดยยกตัวอย่างสถานการณ์จริงในพื้นที่เชียงใหม่ พร้อมเน้นย้ำว่า “หลังสัญญาณเตือนภัยดังผ่านระบบ Cell Broadcast ประชาชนมีเวลาเพียง 7 นาทีเท่านั้นในการอพยพออกจากพื้นที่เสี่ยง”
รศ.ดร.เสรี เสนอแนวทางรับมือด้วยการเสริมสร้าง “ชุมชนเข้มแข็ง” และส่งเสริมให้คนไทยหันมาบริโภคอาหารจากพืช (Vegan) เพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และบรรเทาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในระยะยาว
“เสียงจากป่า” หัวหน้าสถานีวิจัยสัตว์ป่าดอยเชียงดาว ป่าหาย สัตว์ตาย คนไม่รอด!
คุณมงคล สาฟูวงค์ หัวหน้าสถานีวิจัยสัตว์ป่าดอยเชียงดาว เปิดเผยถึงผลกระทบรุนแรงจากการบุกรุกป่าเพื่อปลูกข้าวโพดในพื้นที่ภาคเหนือ โดยเฉพาะในเขตดอยเชียงดาว แหล่งอาศัยสำคัญของสัตว์ป่าหายากอย่าง “กวางผา” ที่ปัจจุบันต้องล้มตายจากการขาดแคลนอาหารและแหล่งน้ำ เนื่องจากการสูญเสียถิ่นที่อยู่ตามธรรมชาติ
นอกจากนั้น เขายังระบุว่า ปัญหาฝุ่น PM2.5 ที่ส่งผลกระทบต่อการหายใจของประชาชน ไม่ได้เกิดจากไฟป่าตามธรรมชาติเท่านั้น แต่ส่วนใหญ่มีสาเหตุมาจากการเผาซังข้าวโพดเพื่อเตรียมพื้นที่เกษตร ซึ่งเชื้อเพลิงแห้งเหล่านี้ก่อให้เกิดไฟป่าที่รุนแรง เปลวไฟสูงกว่า 4 เมตร ยากต่อการควบคุม และก่อให้เกิดหมอกควันที่ลอยข้ามประเทศ ทั้งฝั่งไทย และพม่า ลาว ส่งผลกระทบต่อประเทศเพื่อนบ้านและเร่งให้เกิดคลื่นความร้อนและทำลายชั้นบรรยากาศ
“ภาวะโลกเดือด” ไม่เพียงแต่คุกคามชีวิตมนุษย์ แต่ยังทำลายสมดุลของระบบนิเวศอย่างลึกซึ้ง ป่าที่เคยทำหน้าที่ซับน้ำ ป้องกันน้ำท่วม ดินถล่ม กำลังลดลงอย่างน่ากังวล หากไม่มีป่า เราจะต้องเผชิญกับภัยแล้ง อุทกภัย และผู้ที่ได้รับความสูญเสีย คือผู้คน และสัตว์ ในวงกว้าง
คุณมงคลย้ำว่า เมื่อสัตว์ป่าไม่มีบ้าน พวกมันจะหลบซ่อนหรือออกมาในชุมชนเพื่อหาอาหาร ซึ่งกลายเป็นปัญหาใหม่ที่สร้างความกลัวและขัดแย้งกับชุมชนชาวบ้านต้องอยู่อย่างหวาดผวา พร้อมเชิญชวนประชาชนทุกคนร่วมกันอนุรักษ์ผืนป่าอย่างจริงจัง เพื่อรักษาทรัพยากรธรรมชาติให้คงอยู่ เพราะ “เมื่อป่าอยู่ได้ คนก็อยู่ได้ และสัตว์ก็อยู่ได้เช่นกัน”
ทุกคำที่เรากิน คือการโหวตให้โลกแบบหนึ่ง” โค้ชทิมน์ ชวนเปลี่ยนโลกผ่านจานอาหารด้วยพลังแห่งพืช
ท่ามกลางวิกฤติภูมิอากาศที่โลกกำลังเผชิญ เสียงจากผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพและสิ่งแวดล้อมเริ่มดังกึกก้องขึ้นเรื่อย ๆ หนึ่งในนั้นคือ โค้ชทิมน์ – นิธิวัชร์ ภัทรอิสราพันธ์ โค้ชด้านสุขภาพองค์รวมและนักรณรงค์ไลฟ์สไตล์สายพืช ((Vegan Lifestyle Advocate) ผู้ใช้ชีวิตแบบวีแกนเต็มตัว และเป็นกระบอกเสียงสำคัญในการชี้ให้เห็นว่า “อาหาร” คือหนึ่งในเครื่องมือทรงพลังที่สุดในการเปลี่ยนแปลงโลก
ด้วยน้ำเสียงหนักแน่นแต่เปี่ยมด้วยความหวัง โค้ชทิมน์กล่าวว่า “ทุกคำที่เรากิน คือการโหวตให้โลกแบบหนึ่ง” คำพูดสั้นๆ นี้สะท้อนหลักคิดลึกซึ้งที่อยู่เบื้องหลังไลฟ์สไตล์วีแกนของเขา ซึ่งไม่ได้จำกัดอยู่แค่การงดเนื้อสัตว์ แต่คือการเลือกทางเดินชีวิตที่สอดคล้องกับสันติภาพ ความยั่งยืน และความเมตตาต่อทุกชีวิตบนโลก
โค้ชทิมน์เผยว่า แรงบันดาลใจของเขาเกิดขึ้นจากการศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับผลกระทบของอุตสาหกรรมปศุสัตว์ที่มีต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งก่อให้เกิดก๊าซมีเทนในปริมาณมหาศาล เร่งให้เกิดภาวะโลกร้อน และเป็นสาเหตุสำคัญของการตัดไม้ทำลายป่าและการใช้น้ำอย่างสิ้นเปลือง
“เรากินอาหารทุกวัน นั่นหมายถึงเรามีโอกาส ‘เลือก’ ทุกวัน” เขากล่าว
โค้ชทิมน์ยังชี้ให้เห็นว่า การเปลี่ยนมาทานอาหารจากพืช (Vegan food) รวมถึงการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่เบียดเบียนสัตว์ ไม่เพียงช่วยลดก๊าซเรือนกระจก เช่น มีเทนและคาร์บอนไดออกไซด์ แต่ยังช่วยหยุดความทุกข์ทรมานของสัตว์นับพันล้านชีวิตในแต่ละปีที่อยู่ในอุตสาหกรรมอาหาร
“Vegan ไม่ใช่แค่เรื่องอาหาร แต่มันคือการเลือกอนาคต”
ในยุคที่ภัยพิบัติธรรมชาติรุนแรงมากขึ้น และโลกกำลังร้อนขึ้นทุกวัน การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเล็กๆ อย่างการเลือกรับประทานอาหาร สามารถเป็นพลังที่ยิ่งใหญ่ในการฟื้นฟูสมดุลของระบบนิเวศ ลดภาระให้กับโลก และส่งต่อคุณภาพชีวิตที่ดีกว่าให้กับคนรุ่นถัดไป
โค้ชทิมน์จึงไม่เพียงพูดบนเวทีหรือโซเชียลมีเดีย แต่ยังทำงานร่วมกับเครือข่ายชุมชน กลุ่มเยาวชน และภาคเอกชน เพื่อเผยแพร่ความรู้เรื่องสุขภาพ การดูแลสิ่งแวดล้อม และอาหารจากพืช ผ่านกิจกรรม เสวนา เวิร์กช็อป และโครงการสร้างสรรค์ต่างๆ
เพราะเขาเชื่อว่า “จานอาหาร” ที่ดูธรรมดา อาจเป็นจุดเริ่มต้นของ “โลกใบใหม่” ที่สงบ อุดมสมบูรณ์ และมีความเมตตาต่อทุกชีวิต
นิทรรศการศิลปะเพื่อโลกและสันติภาพ
ภายในงานยังมีการจัดแสดง นิทรรศการผลงานศิลปะของท่านอนุตราจารย์ชิงไห่ (วีแกน) ซึ่งประกอบด้วย ภาพวาดจากจิตวิญญาณอันลึกซึ้ง ภาพถ่ายธรรมชาติอันงดงาม และ โคมไฟแรงบันดาลใจจากสวรรค์ ที่สะท้อนพลังแห่งความรัก ความเมตตา และความงามจากภายใน ถ่ายทอดแนวคิด “ความสว่างภายในสร้างสันติภาพภายนอก” ให้แก่ผู้ร่วมงานได้ซึมซับทั้งผ่านสายตาและหัวใจ
กิจกรรมที่สร้างแรงบันดาลใจ
ในงานยังมีบูธอาหาร Vegan จากร้านชื่อดังมากกว่า 15 ร้าน ให้ได้ลิ่มลองและอิ่มอร่อยกัน เช่น Loving Hut ,โรงแรม Away Chiang Mai Thapae Resort, BEGIN VEGAN VEGETARIAN FOOD , Down To Earth Thailand โดยคุณพิมพ์ใจ ดวงเนตร และยังเป็นตัวแทนทูตถิ่นยั่งยืนจากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ,มีบูธหนังสือ “วีแกนพลังชีวิต” จากอาจารย์ธอม ราดเซียนดะ
และช่วงบ่ายมีการฉายภาพยนตร์ละครเพลง “The Real Love” Musical Screening การแสดงละครเพลง เรื่อง รักแท้ เผยแพร่ความรักในหลากหลายรูปแบบผ่านภาพยนต์ละครเพลง The Real Love“รักแท้” จากบทกวีสู่ละครเพลงที่รวมใจเป็นหนึ่ง เนื้อเพลงดัดแปลงมาจากบทกวีของ ท่านอนุตราจารย์ชิงไห่ (วีแก่น)
กำกับการแสดงโดย คริส เซลตัน (ChrisShelton) โดยรวบรวมนักแสดงกว่า 40 ชีวิต พร้อมวงออเคสตรา กว่า 20 ชื้น โดยนักประพันธ์เพลงที่มีชื่อเสียง เพื่อนำเสนอ
ภาพยนตร์ละครเพลงเรื่องราวที่ถ่ายทอดแรงบันดาลใจจากเรื่องความรักของสตรีชาวเวียดนามท่านหนึ่ง ผู้มีความรักความผูกพันต่อสามีผู้เป็นนายแพทย์ที่แสนอ่อนโยนเช่นเดียวกัน ขณะที่ชีวิตดำเนินไปอย่างมีความสุข แต่ความปรารถนาทำให้เธอต้องตัดสินใจครั้งสำคัญในชีวิต – จะเลือกอยู่กับคนที่เธอรักหรือเสียสละทุกสิ่งเพื่อออกค้นหาความสุขแท้เพื่อมวลมนุษยชาติ
ดูเหมือนว่าจะเป็นการเดินทางที่ถูกกำหนดไว้แล้ว เธอเริ่มต้นเดินทางผ่านอินเดียและเทือกเขาหิมาลัย พบเจอกับการผจญภัย อันตราย และความประหลาดใจตลอดการเดินทาง
เรื่องราวที่น่าจดจำนี้จะนำมาซึ่งน้ำตา เสียงหัวเราะ และความทรงจำอันซาบซึ้งใจสำหรับผู้ชมทุกภูมิหลังกับเวทมนตร์แห่งบรอดเวย์และดาราชั้นนำฮอลลีวูด
ขอให้หัวใจของคุณนำทาง มาหาเราเพื่อพบกับ “รักแท้..”
แรงบันดาลใจจากท่านอนุตราจารย์ชิงไห่ (วีแกน)
ท่านเป็นนักมนุษยธรรมระดับโลก เจ้าของรางวัล Gusi Peace Prize ที่อุทิศชีวิตเพื่อการส่งเสริม วีแกนเพื่อโลกเย็นลง และเป็นผู้บุกเบิกด้านสิ่งแวดล้อมและสันติภาพมาตั้งแต่ทศวรรษ 1980 ผลงานของท่านสะท้อนแนวคิดว่า “การเปลี่ยนแปลงเริ่มได้จากตัวเรา – ด้วยหัวใจที่รักสัตว์ รักสิ่งแวดล้อม และรักโลก”
“Be Vegan Make Peace – Be Vegan Save the Planet”
ทางรอดของโลก อาจเริ่มได้แค่จาก “จานอาหารของเรา” และ “ใจที่เปี่ยมด้วยเมตตา”




















ร่วมแสดงความคิดเห็น