ป.ป.ช. รวบ “ปลัดจอมแฉ” คาคดีเรียกเก็บ “ค่าบัตรชมพู” เกินจริง

จาก “ปลัดจอมแฉ” สู่ผู้ถูกจับ! ป.ป.ช. รวบ “ปลัดบุญญฤทธิ์” คาคดีเรียกเก็บ “ค่าบัตรชมพู” เกินจริง แฉเงินสะพัดกว่า 3 ล้านบาท

กลายเป็นข่าวพลิกผันที่น่าตกใจและชวนตั้งคำถาม เมื่อ นายบุญญฤทธิ์ ซึ่งเป็นที่รู้จักในฉายา “ปลัดจอมแฉ” หลังจากที่เคยออกมาเปิดโปงและให้ข้อมูลเกี่ยวกับการทุจริตการเรียกรับเงิน “บัตรชมพู” สำหรับแรงงานต่างด้าวเมื่อช่วงต้นปี 2566 กลับมาถูกจับกุมในข้อหาเดียวกันนี้เสียเอง โดย ป.ป.ช. สนธิกำลัง บก.ปปป. และ ป.ป.ท. บุกรวบตัวได้ที่วิทยาลัยการปกครอง อำเภอดอยสะเก็ด จังหวัดเชียงใหม่ วันนี้ (30 มิถุนายน 2568) หลังพบหลักฐานการเรียกรับเงินเกินจริงจนมีเงินสะพัดกว่า 3 ล้านบาท

ย้อนกลับไปเมื่อช่วงต้นปี 2566 นายบุญญฤทธิ์ ในขณะนั้นดำรงตำแหน่งปลัดอำเภอสันทราย จังหวัดเชียงใหม่ และเป็นผู้ช่วยนายทะเบียนจังหวัดเชียงใหม่ ได้ออกมาให้ข้อมูลกับสื่อมวลชนถึงพฤติกรรมการทุจริตในกระบวนการจัดทำทะเบียนประวัติและบัตรประจำตัวแรงงานต่างด้าวที่ศูนย์บริหารการทะเบียนภาค 5 อำเภอดอยสะเก็ด จังหวัดเชียงใหม่ โดยระบุว่ามีกลุ่มบุคคลภายนอกเรียกเก็บเงิน “กินเปล่า” จากแรงงานต่างด้าวคนละ 300-400 บาท นอกเหนือจากค่าธรรมเนียมที่ถูกต้อง ซึ่งมีการอ้างว่าเป็นการดำเนินการตามนโยบายจากข้าราชการระดับสูงในจังหวัด นอกจากนี้ ในวันที่ 24 มกราคม 2566 นายบุญญฤทธิ์ยังได้เข้ายื่นหนังสือต่อผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรดอยสะเก็ด เพื่อขอทราบข้อเท็จจริงและให้ข้อมูลหากพบการกระทำผิด

อย่างไรก็ตาม วันนี้ (30 มิถุนายน 2568) สถานการณ์กลับตาลปัตร เมื่อ นายบุญญฤทธิ์ฯ เอง กลับถูกจับกุมตามหมายจับของศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 5 ในหลายข้อหา ซึ่งรวมถึงการเป็นเจ้าพนักงานเรียก รับ หรือยอมจะรับทรัพย์สินฯ โดยมิชอบ และปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือโดยทุจริต

จากข้อมูลที่ ป.ป.ช. เปิดเผย พบว่า นายบุญญฤทธิ์ฯ ในฐานะหัวหน้าศูนย์บริหารการทะเบียนภาค 5 สาขาจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งเริ่มปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าวตั้งแต่วันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2566 ได้เรียกเก็บค่าธรรมเนียมสำหรับการออกบัตรประจำตัวคนซึ่งไม่มีสัญชาติไทย (บัตรชมพู) และคัดสำเนาแบบรับรองรายการทะเบียนประวัติคนต่างด้าว (ท.ร. 38/1) ในอัตราสูงถึง 200 บาทต่อแรงงานต่างด้าว 1 ราย

ทั้งที่ค่าธรรมเนียมตามกฎหมายกำหนดเพียงบัตรละ 60 บาท และค่าคัดสำเนา 20 บาท ซึ่งเท่ากับมี “เงินส่วนต่าง” ที่เรียกเก็บเกินจริงถึง 120 บาทต่อราย

ผู้เสียหายซึ่งเป็นนายหน้าแรงงานต่างด้าวได้แจ้งเบาะแสกับ ป.ป.ช. โดยพบว่ามีเงินส่วนต่างที่นายบุญญฤทธิ์ฯ เรียกเก็บไปแล้วกว่า 2.4 ล้านบาท ถึง 3.6 ล้านบาท ตั้งแต่ต้นปี 2566 นอกจากนี้ การเรียกเก็บเงินเกินอัตรานี้ยังเป็นที่รับรู้กันทั่วไปในหมู่นายหน้าแรงงานต่างด้าวในจังหวัดเชียงใหม่กว่า 100 ราย หากรายใดไม่จ่ายเงิน จะไม่ได้รับคิวนัดเพื่อนำแรงงานเข้าทำบัตร

หลังข่าวการจับกุมแพร่หลาย ที่ทำการปกครองอำเภอสันทรายได้ออกมาชี้แจงว่า นายบุญญฤทธิ์ฯ ไม่ได้ดำรงตำแหน่งปลัดอำเภอสันทรายแล้วในปัจจุบัน แต่ไปช่วยราชการที่สำนักบริหารการทะเบียน โดยการเข้าใจผิดของประชาชนและการพาดหัวข่าวในระยะแรก สร้างผลกระทบต่อชื่อเสียงของเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานในอำเภอสันทรายอย่างมาก ทำให้ที่ทำการปกครองอำเภอสันทรายต้องยืนยันว่าเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ปัจจุบันปฏิบัติงานด้วยความซื่อสัตย์สุจริต และไม่มีพฤติกรรมการเรียกรับเงินแต่อย่างใด

ร่วมแสดงความคิดเห็น