วันที่ 10 ก.ค. 68 ผู้สื่อข่าวติดตามกรณีพบชายแต่งตัวคล้ายพระ ทำทีเป็นคนพิการเดินเรี่ยไรขอเงิน ที่บริเวณตลาดสินสมบูรณ์ ต.เวียง อ.เชียงแสน จ.เชียงราย เมื่อช่วงเช้าวันที่ 9 ก.ค. ที่ผ่านมา แต่มีคนจำได้ว่าชายดังกล่าวเคยมีข่าวเดินเรี่ยไรและโดนจับสึกไปแล้วเมื่อช่วงปลายปี 67 ที่ผ่านมา จึงนำมือถือมาถ่ายคลิปและนำไปเผยแพร่ในเฟสบุ๊กเพื่อเตือนภัยมิจฉาชีพ จนในเวลาต่อมาได้มีการแชร์อย่างแพร่หลาย กลายเป็นข่าวที่ได้รับความสนใจ
ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่ตลาดสิยสมบูรณ์ อ.เชียงแสน ตามที่ปรากฏในข่าว โดยบรรดาพ่อค้าแม่ค้าในตลาดให้ข้อมูลว่า หลังมีการเผยแพร่คลิปลงในโซเซียนจนกลายเป็นข่าวดัง ในวันนี้ก็ไม่เจอชายคนดังกล่าวมาเดินที่ตลาดอีกเลย และนายอุทัย อายุ 49 ปี พ่อค้าขายล็อตเตอรี่ และเป็นเจ้าของคลิปที่เผยแพร่ในโซเซียล เผยกับผู้สื่อข่าวว่า เห็นชายแต่งกายคล้ายพระมาเดินเรี่ยไรเงินที่บริเวณหน้าตลาด ซึ่งตนเคยได้ติดตามข่าวว่าเป็นคนเดียวกับที่ถูกจับสึกเมื่อช่วงปลายปีที่ผ่านมา ก็เลยนำมือถือออกมาถ่ายคลิป โดยตอนก่อนที่ชายดังกล่าวจะเดินผ่านตนไป ก็เห็นทีพ่อค้าแม่ค้าที่ไม่ได้ตามข่าวก็หยิบยื่นเงินให้ชายคนดังกล่าวไปคนละประมาณ 10-20 บาท และพอเดินผ่านตนไปได้ประมาณ 100 เมตร ก็ไม่เห็นตัว แต่ได้ยินจากพ่อค้าแม่ค้าด้วยกันบอกว่ามีคนเห็นชายดังกล่าวเดินข้ามถนนไปที่ซอยข้างโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 15 ก่อนจะขับรถเก๋งออกไปจากพื้นที่ ไม่รู้ขับไปทางไหน
“ตนมองว่าการกระทำดังกล่าวเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ทำให้พระพุทธศาสนาเสื่อม ก็เลยนำมือถือออกมาถ่าย และนำไปแชร์ลงโซเซียล โดยมีเพื่อนๆที่รู้จักกันช่วยกันแชร์จนเป็นข่าว” นายอุทัย พ่อค้าล็อตเตอรี่ กล่าว
ด้าน น.ส.สุนิสา อายุ 35 ปี แม่ค้าขายผลไม้ กล่าวว่า ตนจำชายคนดังกล่าวได้ เพราะเคยเห็นจากข่าว จึงไม่ได้ให้เงิน แต่ก็พบว่ามีอยู่หลายคนที่ไม่รู้และให้เงินกับชายคนดังกล่าวไป ก่อนหน้านี้ไม่เคยเห็นชายดังกล่าวมาก่อน เพิ่งมาเมื่อวานนี้ และหลังจากที่มีข่าวออกไป ในวันนี้ก็ไม่พบชายคนดังกล่าวมาเดินเรี่ยไรอีกเลย ก็อยากฝากเตือนไปยังคนที่พบเจอชายคนดังกล่าวว่าอย่่ใส่บาตรหรือให้เงิน เพราะเป็นมิจฉาชีพ
ในส่วนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เชียงแสน ซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบในพื้นที่ดังกล่าว ผู้สื่อข่าวได้สอบถามกับทาง พ.ต.อ.อนุพันธุ์ กันถารัตน์ ผกก.สภ.เชียงแสน เผยว่า ได้ทราบเรื่องกรณีดังกล่าวหลังจากปรากฏเป็นข่าว เนื่องจากไม่มีคนมาแจ้งความ แต่หลังจากที่ได้ทราบเรื่อง ก็ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจในสังกัด ได้ออกไปแจ้งข่าวประชาสัมพันธ์ในชุมชนและตลาดสำคัญในพื้นที่ เพื่อเตือนภัย โดยในกรณีชายดังกล่าว เท่าที่ทราบคือได้เคยถูกจับสึกเมื่อปลายปีก่อน และไม่ทราบว่าที่มาปรากฏตัวรอบนี้จะเป็นการบวชรอบใหม่หรือเพียงแค่เอาผ้าจีวรมาห่มแต่งตัวให้คล้ายพระเพื่อเรี่ยไรเงิน แต่หากผู้ใครที่พบเจอชายดังกล่าวปรากฏตัวในพื้นที่ อ.เชียงแสน อีกครั้ง ให้รีบแจ้งมายัง สภ.เชียงแสน เพื่อจะได้ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจไปตรวจสอบอย่างทันท่วงที หรือหากพบเจอในพื้นที่อื่น ก็ให้รีบแจ้งมายัง สภ.ในพื้นที่ใกล้เคียงทันที ซึ่งในการตรวจสอบก็จะมีพระวินยาธิการ และหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องร่วมด้วย และหากพบว่าการกระทำของชายดังกล่าว เป็นการแต่งกายเลียนแบบพระ ก็จะมีความผิดตามกฏหมาย ซึ่งการแต่งกายเลียนแบบพระภิกษุ สามเณร นักพรต หรือนักบวชในศาสนาอื่นโดยมิชอบ เพื่อให้บุคคลอื่นเชื่อว่าเป็นบุคคลดังกล่าว มีโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 208 คือ จำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินสองหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ แต่หากพบว่าชายดังกล่าวได้บวชถูกต้อง ก็จะมีความผิดทางวินัยสงฆ์
โดยจากประวัติทราบว่าชายแต่งตัวคล้ายพระคนดังกล่าวคือ นายนิพนธ์ อายุ 65 ปี ชาว จ.สระบุรี เคยถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.พญาไท จับกุมเมื่อวันที่ 10 พ.ย. 67 ขณะแต่งกายคล้ายพระสงฆ์เดินเรี่ยไรเงิน พร้อมเปิดเครื่องเสียงลักษณะท่าเดินคล้ายคนพิการ จึงเรียกขอตรวจสอบพบเป็นบุคคลที่ปรากฏในสื่อโซเชียลต่างๆ เจ้าหน้าที่จึงสอบถามและขอดูเอกสาร ในครั้งนั้นนายนิพนธ์ให้การว่า เป็นพระจริงและมีเอกสารหนังสือสุทธิแสดงการเป็นพระสงฆ์ โดยยอมรับว่าเดินเรี่ยไรเงินเพื่อแลกกับการที่เผยแผ่หลักธรรมพระพุทธศาสนา จึงแจ้งนายนิพนธ์ว่าการเรี่ยไรเงินไม่เหมาะสม เพราะไม่ใช่กิจของสงฆ์ จึงเชิญตัวมายัง สน.พญาไท เพื่อตรวจสอบข้อมูลเพิ่มเติม
และทราบว่านายนิพนธ์เคยบวชเป็นพระที่วัดแห่งหนึ่งในพื้นที่ ต.โพธิ์ชัย อ.เมือง จ.หนองบัวลำภู เดิมมีอาชีพทำเกษตรกรรมอยู่ที่ จ.สระบุรี และบวชเป็นพระที่วัด ตำบลโพธิ์ชัย เดินทางมาเรี่ยไรที่ อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ อยู่พักใหญ่ โดยใช้ไม้เท้า 2 ข้างเดินเหมือนพระพิการ น่าเวทนา นั่งกับพื้นเอาบาตรวางเหมือนขอทาน จนเกิดภาพความไม่เหมาะสม ทางตำรวจ สภ.พระประแดง ต้องจับสึกและโต้เถียงกับตำรวจจนเป็นคลิปไวรัลมาแล้ว แต่ด้วยชุดเครื่องแบบพระและพฤติกรรมพระพิการหาเงินได้อย่างดี จนนายนิพนธ์ต้องกลับไปบวชอีกครั้ง แต่ครั้งนั้นเป็นการบวชสามเณรที่วัดป่า ต.หนองบัวใต้ อ.ศรีบุญเรือง จ.หนองบัวลำภู เมื่อวันที่ 22 ส.ค. 67
จากนั้นเดินทางเข้ามาเรี่ยไรในกรุงเทพฯชั้นใน จนมีพลเมืองดีแจ้งให้ไปจับสึกดังกล่าว ตรวจสอบประวัติพบว่าเคยมีประวัติการก่ออาชญากรรมในหลายพื้นที่ ส่วนใหญ่เป็นข้อหา ตัวการในข้อหาแต่งกายหรือใช้เครื่องหมายที่แสดงว่าเป็นภิกษุ สามเณร นักพรต หรือชายนักบวชในศาสนาใดโดยมิชอบ





ร่วมแสดงความคิดเห็น