ม.พะเยา เตรียมเปิดตัวหุ่นยนต์ต้นแบบลาดตระเวนตรวจการแบบเดินตรวจ 24 ชม.

สุดทึ่งหลัง ม.พะเยา เตรียมเปิดตัวหุ่นยนต์ต้นแบบลาดตระเวนตรวจการแบบเดินตรวจ 24 ชม.

วันที่ 1 ก.ย.68 ในยุคสมัยที่เทคโนโลยีกลายมาเป็นส่วนสำคัญ และมีบทบาทต่อการดำรงชีวิต การติดต่อสื่อสาร อำนวยความสะดวกให้กับมนุษย์ นอกจากนั้นยังรวมถึงการดูแล และรักษาความปลอดภัย ปัจจุบันนี้การพัฒนาด้านเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับหุ่นยนต์ได้รุดหน้าไปอย่างก้าวกระโดด ซึ่งเราจะสังเกตเห็นได้จาก หากเหตุการณ์สำคัญ ๆ ที่เป็นอันตรายต่อชีวิตและทรัพย์สิน เช่น ภัยพิบัติทางธรรมชาติ การใช้หุ่นยนต์เพื่อกู้ภัย หรือสำรวจสามารถช่วยลดความเสี่ยงของเจ้าหน้าที่ ที่ต้องเสี่ยงอันตรายจากการสำรวจ หรือเก็บกู้ลงได้มาก ซึ่งบทพิสูจน์ของ ม.พะเยาในครั้งนี้บุคลากรและนักศึกษาจึงได้คิดค้นประดิษฐ์ “หุ่นยนต์ต้นแบบลาดตระเวนตรวจการ” เป็นผลงานวิจัยของคณะเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร มหาวิทยาลัยพะเยา พัฒนาขึ้นเพื่อช่วยงานด้านความปลอดภัยในอาคารขนาดกลางและใหญ่ โดยทำงานได้ ตลอด 24 ชั่วโมง และลดความเสี่ยงที่เจ้าหน้าที่ต้องเข้าไปในพื้นที่อันตราย จุดเด่นคือการใช้ เทคโนโลยี AI และ IoT ช่วยให้หุ่นยนต์สามารถตรวจจับและวิเคราะห์ได้หลายอย่าง เช่น วัสดุเรืองแสง – ช่วยมองเห็นในที่มืดและลดการใช้พลังงานแบตเตอรี่, ระบบตรวจจับขั้นสูง, จำแนกใบหน้าบุคคล, ตรวจจับความร้อน, แก๊สรั่ว, แรงสั่นสะเทือน, เซ็นเซอร์หลบหลีกสิ่งกีดขวาง, ระบบแจ้งเตือนภัยเรียลไทม์ ผ่านมือถือ/แท็บเล็ต, ทำงานอัตโนมัติ 24 ชั่วโมง ครอบคลุมพื้นที่เสี่ยงที่เจ้าหน้าที่เข้าไม่ถึงและลดภาระงานและเพิ่มความปลอดภัยของบุคลากร

นอกจากนี้ ตัวหุ่นยนต์ยังใช้วัสดุที่ เรืองแสงในที่มืด เพื่อประหยัดพลังงาน และสามารถเข้าไปตรวจสอบในพื้นที่ที่มีความเสี่ยงสูงได้อย่างปลอดภัย โครงการนี้เกิดจากความร่วมมือกับเครือข่ายพัฒนาหุ่นยนต์โอเพ่นซอร์ส ระดับโลก “inMoov” ซึ่งมหาวิทยาลัยพะเยาเป็นสถาบันเดียวในไทยที่ได้เข้าร่วม สรุปง่าย ๆ คือ หุ่นยนต์นี้ไม่เพียงช่วยดูแลความปลอดภัย แต่ยังเป็นตัวอย่างของการพัฒนาเทคโนโลยีที่นำงานวิจัยไทยก้าวสู่เวทีนานาชาติได้อย่างภาคภูมิใจ
หัวใจของโครงการ

รศ.ดร.สุภกร พงศบางโพธิ์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยพะเยา เปิดเผยว่า อีกหนึ่งบทบาทของหุ่นยนต์ที่สังคมกำลังให้ความสนใจคือ การใช้หุ่นยนต์ เพื่อการรักษาความปลอดภัยในพื้นที่อาคารขนาดกลางและขนาดใหญ่ ซึ่งเป็นพื้นที่ ที่ต้องใช้เจ้าหน้าที่ในการลาดตระเวนอยู่ตลอดเวลา การใช้หุ่นยนต์สำหรับการลาดตระเวนแทนเจ้าหน้าที่ดังกล่าวจะสามารถช่วยลดความเสี่ยง และสามารถดูแลความปลอดภัยได้ตลอด 24 ชั่วโมง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หากหุ่นยนต์สามารถทำงานได้เองโดยอัตโนมัติ ก็จะเป็นอีกหนึ่งแนวทางที่ตอบโจทย์ต่อความต้องการของสังคมสมัยใหม่ โดยเฉพาะในบริบทของการรักษาความปลอดภัยในพื้นที่อาคารทั้งขนาดกลางและขนาดใหญ่

ผช.ดร.ธนา อุดมศรีไพบูลย์ อาจารย์ประจำหลักสูตรวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ คณะเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ได้พูดถึงคุณสมบัติเบื้องต้นของหุ่นยนต์ต้นแบบว่า หุ่นยนต์ต้นแบบนี้ ถูกออกแบบให้สามารถตรวจการณ์ภายในอาคารได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยใช้วัสดุที่เรืองแสงในเวลากลางคืน ซึ่งช่วยลดการใช้พลังงานจากแบตเตอรี่ในช่วงเวลาที่มีแสงน้อย นอกจากนี้ยังมีการผสานเทคโนโลยี Internet of Things (IoT) และปัญญาประดิษฐ์ (AI) เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการทำงาน เช่น การเรียนรู้และจำแนกใบหน้าบุคคล การแจ้งเตือนภัยผ่านอุปกรณ์มือถือ การตรวจจับความร้อน แก๊สรั่ว และแรงสั่นสะเทือน รวมถึงการใช้เซ็นเซอร์เพื่อหลบหลีกสิ่งกีดขวาง จุดเด่นสำคัญของหุ่นยนต์ต้นแบบนี้คือความสามารถในการเข้าไปตรวจสอบในพื้นที่ที่มีความเสี่ยงสูง ซึ่งเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยไม่สามารถเข้าถึงได้อย่างปลอดภัย ทำให้สามารถลดภาระงานและลดความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติงานของมนุษย์ได้อย่างมีนัยสำคัญ

นอกจากนี้ยังได้เล่าถึงที่มาของ “โครงการพัฒนาหุ่นยนต์ต้นแบบ สำหรับการลาดตระเวนตรวจการ” ซึ่งได้รับความร่วมมือจากทีมงานพัฒนาหุ่นยนต์แบบ Open source ที่ใหญ่ที่สุดของโลกในชื่อ “inMoov” ซึ่งมีสมาชิกกระจายอยู่ทั่วโลก และมหาวิทยาลัยพะเยาเป็นเพียงสถาบันเดียว ในประเทศไทย ที่ได้รับเกียรติให้ร่วมเป็นสมาชิกภาคีเครือข่ายในการพัฒนาหุ่นยนต์ร่วมกับทีมงานระดับนานาชาติ ซึ่งหุ่นยนต์ต้นแบบดังกล่าว ถูกออกแบบให้สามารถตรวจการณ์ภายในพื้นที่อาคารได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยใช้วัสดุในการผลิตที่สามารถเรืองแสงได้ในเวลากลางคืน ซึ่งช่วยลดการใช้พลังงานจากแบตเตอรี่ในช่วงเวลาที่มีแสงน้อย นอกจากนี้ยังมีการผสานเทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตในทุกสรรพสิ่งหรือ Internet of Things (IoT) และปัญญาประดิษฐ์ (AI) เพื่อช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการทำงานของหุ่นยนต์ เช่น การเรียนรู้และจำแนกใบหน้าของบุคคล การแจ้งเตือนภัยผ่านอุปกรณ์มือถือหรือแท็บเล็ต การตรวจจับความร้อน การตรวจวัดแก๊สรั่ว การตรวจจับแรงสั่นสะเทือน รวมถึงความสามารถในการใช้เซ็นเซอร์เพื่อหลบหลีกสิ่งกีดขวาง จุดเด่นอีกประการหนึ่งของหุ่นยนต์ต้นแบบนี้คือ ความสามารถในการเข้าไปตรวจสอบในพื้นที่ที่มีความเสี่ยงสูง ซึ่งเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยไม่สามารถเข้าถึงได้และอาจะเกิดอันตรา ทำให้หุ่นยนต์สามารถช่วยลดภาระงาน และลดความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติงานของมนุษย์ได้อย่างมีนัยสำคัญ

โครงการนี้ได้รับทุนสนับสนุนจากงบประมาณรายได้ของคณะเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร มหาวิทยาลัยพะเยา ประจำปี พ.ศ. 2568 ซึ่งสะท้อนถึงความมุ่งมั่นในการพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อสังคมอย่างยั่งยืน และการส่งเสริมการเรียนรู้เชิงนวัตกรรมในระดับอุดมศึกษาหากโครงการพัฒนาหุ่นยนต์ต้นแบบ

ร่วมแสดงความคิดเห็น