ผู้แทนชาวบ้านในตำบลหนองหอย รวมตัวยื่นหนังสือสนับสนุนการรื้อฝายในลำน้ำปิง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการป้องกันน้ำท่วมในเขตเมืองเชียงใหม่
วันนี้ (22 ต.ค. 68) เวลา 10.00 น. ที่บริเวณหน้าศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่ นายทศพล เผื่อนอุดม ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ รับหนังสือสนับสนุนการรื้อฝายในลำน้ำปิง ทั้ง 3 ฝาย จากนางจีรพร หวันแดง นายกเทศมนตรีตำบลหนองหอย ซึ่งเป็นผู้แทนชาวบ้านในตำบลหนองหอย เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการป้องกันและแก้ไขปัญหาอุทกภัยของจังหวัดเชียงใหม่
ทั้งนี้ สืบเนื่องจากปัญหาอุทกภัยในพื้นที่อำเภอเมืองเชียงใหม่ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ซึ่งสร้างความเสียหายให้แก่ทรัพย์สินของผู้ที่อยู่อาศัยในพื้นที่ประสบภัย ส่งผลให้ชาวบ้านในพื้นที่ไม่สามารถใช้ชีวิตได้ปกติ เนื่องจากต้องคอยเฝ้าระวังสถานการณ์น้ำอยู่เป็นระยะ ดังนั้น จากการถอดบทเรียนในปีที่ผ่านมา จังหวัดเชียงใหม่ได้มีมาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาอุทกภัยทั้งระบบ โดยเฉพาะการขุดลอกและกำจัดสิ่งกีดขวางทางน้ำในลำน้ำปิงในเขตตัวเมืองและเขตเศรษฐกิจของจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งมีฝายที่อยู่ในบริเวณจำนวน 3 ฝาย คือ ฝายพญาคำ ฝายหนองผึ้ง และฝายท่าวังตาล และจากการรับฟังความคิดเห็นของชาวบ้านในพื้นที่ ส่วนใหญ่เห็นว่าควรมีการรื้อฝายทั้ง 3 ออก เนื่องจากมีประตูระบายน้ำท่าวังตาลที่ใช้ควบคุมระดับน้ำในลำน้ำปิงอยู่แล้ว และการรื้อฝายออก จะทำให้การระบายน้ำในลำน้ำปิงจะมีประสิทธิภาพมากขึ้น สามารถช่วยสร้างความมั่นใจในการป้องกันปัญหาอุทกภัยได้ดียิ่งขึ้น
ทั้งนี้ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวภายหลังการรับหนังสือว่า จากสถานการณ์อุทกภัยในปี 2567 ที่ผ่านมา ทางรัฐต้องจ่ายเงินช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่กว่า 1,200 ล้านบาท และเกิดความเสียหายทางเศรษฐกิจมากกว่า 5,600 ล้านบาท ดังนั้น จังหวัดเชียงใหม่ได้มีมาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาอุทกภัยทั้งระบบ โดยเฉพาะการขุดลอกและกำจัดสิ่งกีดขวางทางน้ำในลำน้ำปิง และขณะนี้ได้ดำเนินการขุดลอกครบทั้ง 100% แล้ว สามารถช่วยในการระบายน้ำในลำน้ำได้ดีกว่าปีที่ผ่านมา ส่วนการดำเนินการเกี่ยวกับสิ่งกีดขวางทางน้ำในลำน้ำปิงนั้น ทางจังหวัดเชียงใหม่ได้มีการดำเนินการรับฟังความคิดเห็นจากผู้มีส่วนได้ส่วนเสียเกี่ยวกับการรื้อฝายทั้ง 3 แล้ว จำนวน 9 ครั้ง โดยประชาชนส่วนใหญ่เห็นตรงกันว่าควรรื้อถอน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการระบายน้ำในลำน้ำปิงให้ดียิ่งขึ้น แต่ยังมีความเห็นต่างเพราะอยากอนุรักษ์วัฒนธรรมประเพณีวิถีดั้งเดิมไว้ อย่างไรก็ตามทางจังหวัดจะได้ส่งข้อมูลทั้ง 2 ด้าน ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ใช้เป็นข้อมูลในการตัดสินใจเกี่ยวกับการดำเนินการป้องกันและแก้ไขปัญหาอุทกภัยของจังหวัดต่อไป









ร่วมแสดงความคิดเห็น