ปภ.ยังคงเฝ้าระวังพายุ “เฟิงเฉิน” ใกล้ชิด บริหารจัดการเครื่องจักรกลเข้าพื้นที่เสี่ยง

ปภ.ยังคงเฝ้าระวังพายุ “เฟิงเฉิน” ใกล้ชิด บริหารจัดการเครื่องจักรกลสาธารณภัยเข้าพื้นที่เสี่ยงภัยในภาคอีสาน – ภาคใต้ ส่วนพื้นที่ที่น้ำท่วมขัง 15 จังหวัด ทีมปฏิบัติการ ปภ. ยังคงเร่งระบายน้ำและให้ความช่วยเหลือประชาชนต่อเนื่อง

วันนี้ (23 ต.ค. 68) กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ยังคงเฝ้าระวังสถานการณ์จากอิทธิพลจากพายุ “เฟิงเฉิน” อย่างใกล้ชิด และบริหารจัดการกระจายเครื่องจักรกลสาธารณภัยเข้าไปประจำยังพื้นที่เสี่ยงภัย โดยเฉพาะภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคใต้ ที่มีฝนฟ้าคะนองและฝนตกหนักมากบางพื้นที่ และหากพบปัจจัยเสี่ยงที่จะส่งผลกระทบต่อประชาชน ปภ. จะทำการแจ้งเตือนผ่านช่องทางต่าง ๆ เพื่อให้ประชาชนทราบล่วงหน้า ส่วน 15 จังหวัดที่ยังคงมีสถานการณ์อุทกภัย ทีมปฏิบัติการ ปภ. ยังคงเร่งระบายน้ำและให้ความช่วยเหลือประชาชนอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้สถานการณ์คลี่คลายและประชาชนสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติโดยเร็ว

กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดเผยว่า จากการติดตามสภาวะอากาศ ร่วมกับกรมอุตุนิยมวิทยา พบว่า วันนี้ (23 ต.ค. 68) เวลา 07.00 น. พายุ “เฟิงเฉิน” ได้อ่อนกำลังลงเป็นพายุดีเปรสชันแล้ว บริเวณทะเลจีนใต้ตอนบน เคลื่อนตัวทางทิศตะวันตกค่อนทางใต้อย่างช้า ๆ คาดว่าจะเคลื่อนขึ้นฝั่งบริเวณประเทศเวียดนามตอนกลางในวันนี้ โดยพายุนี้ไม่เคลื่อนเข้าสู่ประเทศไทย แต่จะส่งผลให้ภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีฝนฟ้าคะนอง และภาคใต้มีฝนตกหนักถึงหนักมากบางพื้นที่ ประกอบกับมรสุมกำลังปานกลางพาดผ่านภาคใต้ตอนกลาง ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำท่วมขัง ในช่วงระหว่างวันที่ 23 – 26 ต.ค. 68 กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจึงได้ประสานจังหวัดในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคใต้ และภาคกลาง 1 จังหวัด (จังหวัดประจวบคีรีขันธ์) เตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์ โดยได้กำชับให้จังหวัดติดตามสภาวะอากาศและสถานการณ์น้ำในพื้นที่อย่างใกล้ชิด แจ้งเตือนประชาชนล่วงหน้าผ่านทุกช่องทางการสื่อสาร บริหารจัดการเพื่อจัดสรรทรัพยากรเครื่องจักรกลสาธารณภัยไปประจำยังพื้นที่เสี่ยงภัย พื้นที่เศรษฐกิจ และพื้นที่ชุมชนเป็นการล่วงหน้า เพื่อให้การช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ประสบภัยเป็นไปอย่างรวดเร็วและทันท่วงที

อย่างไรก็ตาม ปภ. ก็ยังคงติดตามและเฝ้าระวังการเคลื่อนตัวของพายุ “เฟิงเฉิน” อย่างใกล้ชิด หากพบปัจจัยเสี่ยงที่จะส่งผลกระทบต่อประชาชน ปภ. จะทำการแจ้งเตือนประชาชนทราบในช่องทางต่าง ๆ โดยเฉพาะการแจ้งเตือนผ่านระบบ Cell Broadcast เพื่อให้ประชาชนทราบและสามารถอพยพไปยังพื้นที่ปลอดภัยอย่างทันท่วงที

สำหรับสถานการณ์อุทกภัยในภาพรวม ปัจจุบัน (ข้อมูล ณ วันที่ 23 ต.ค. 68 เวลา 06.00 น.) ยังคงมีสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ 15 จังหวัด ได้แก่ พิษณุโลก สุโขทัย พิจิตร นครสวรรค์ อุทัยธานี ชัยนาท สิงห์บุรี อ่างทอง สุพรรณบุรี พระนครศรีอยุธยา ปทุมธานี นนทบุรี นครปฐม อุบลราชธานี และอุดรธานี มีพื้นที่ได้รับผลกระทบรวม 63 อำเภอ 479 ตำบล 2,904 หมู่บ้าน มีบ้านเรือนประชาชนได้รับผลกระทบ 128,078 ครัวเรือน 436,579 คน และมีผู้เสียชีวิต 13 ราย (พิษณุโลก 1 ราย พิจิตร 1 ราย พระนครศรีอยุธยา 11 ราย) ซึ่งทีมชุดปฏิบัติการ ปภ. พร้อมเครื่องจักรกลสาธารณภัย ยังคงบูรณาการหน่วยงานในพื้นที่ปฏิบัติงานเร่งระบายน้ำและให้การช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน ส่วนพื้นที่ที่สถานการณ์คลี่คลายแล้ว ได้ประสานจังหวัดเร่งฟื้นฟูพื้นที่ สำรวจ และจัดทำบัญชีความเสียหาย เพื่อให้ความช่วยเหลือประชาชนตามระเบียบและหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องโดยเร็ว

ทั้งนี้ ปภ. ได้เน้นย้ำจังหวัดให้ถือปฏิบัติและเร่งดำเนินการช่วยเหลือประชาชนตามคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 21 ต.ค. 68 ที่เห็นชอบหลักเกณฑ์ เงื่อนไข วิธีการจ่ายเงินช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในช่วงฤดูฝน ปี 2568 ที่เกิดสถานการณ์ขึ้นตั้งแต่วันที่ 15 พ.ค. 68 เป็นต้นมา ในพื้นที่ 65 จังหวัด จำนวน 685,554 ครัวเรือน เพื่อช่วยเหลือครอบครัวผู้ประสบอุทกภัยเป็นกรณีพิเศษในอัตราครัวเรือนละ 9,000 บาท โดยกำชับให้จังหวัด อำเภอ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เร่งสำรวจความเสียหาย และตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลผู้ลงทะเบียนยื่นคำร้องขอรับเงินช่วยเหลือฯ ทั้งที่มายื่นคำร้องฯ ที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และที่ยื่นผ่านระบบ Online ผ่านเว็บไซต์ https://flood68.disaster.go.th เพื่อ ปภ. จะได้ยืนยันและนำส่งข้อมูลให้ธนาคารออมสินเพื่อโอนเงินเข้าบัญชีผู้ประสบภัยตามมติคณะรัฐมนตรี และประชาชนได้รับการเยียวยาอย่างเหมาะสม

ร่วมแสดงความคิดเห็น