รวบหนุ่มใหญ่คาด่าน พร้อมยึดยาบ้าอีก 4 พันกว่าเม็ด

ตำรวจ สภ.แจ้ห่ม ตั้งด่านตรวจยาเสพติดกิ่วคอหมา พบชายวัย 52 ปี ขี่จ.ย.ย.ไม่ติดป้ายทะเบียน ผ่านจุดตรวจ ค้นพบยาบ้ากว่า 4,200 เม็ด ซุกในกระเป๋าผ้า เจ้าตัวยอมรับซื้อจากชาวเขา ก่อนถูกรวบคาด่าน

เมื่อวันที่ 22 ต.ค.68 ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.แจ้ห่ม โดยการอำนวยการสั่งการของ พ.ต.อ.สมภพ สุภาพร ผกก.สภ.แจ้ห่ม, พ.ต.ท.ปีติกร เพิ่มการ รองผกก.ป.ฯ,พ.ต.ท.เชี่ยวชาญชัย จิตเร็ว สวป.ฯ เจ้าหน้าที่ตำรวจด่านตรวจกิ่วคอหมา สภ.แจ้ห่ม นำโดย ร.ต.ท.ศิวฤทธิ์ มีแก้ว รอง สว.(สส).สภ.แจ้ห่ม ร.ต.ต.จักริน แต้มดื่ม ร.ต.ต.นิกร อกผาย ส.ต.ต.มนตรี ศรีชัย ได้จับกุมผู้ต้องหาคดียาเสพติด คือ นายศรยุทธ อายุ 52 ปี ที่อยู่ หมู่ 1 ต.ร่องเคาะ อ.วังเหนือ จ.ลำปาง พร้อมของกลางยาบ้า จำนวน 4,238 เม็ด รถจักรยานยนต์ 1 คัน และโทรศัพท์มือถือ 1 เครื่อง ได้บริเวณบนถนนสาธารณะ บ้านผาช่อ หมู่ 4 ต.แม่สุก อ.แจ้ห่ม จ.ลำปาง

ก่อนการจับกุม เจ้าหน้าที่ตำรวจประจำด่านตรวจยาเสพติดกิ่วคอหมา ปฏิบัติหน้าที่ตั้งด่านตรวจเพื่อสกัดกั้นยาเสพติดและสิ่งของผิดกฎหมาย ได้รับแจ้งจากสายลับ(ขอไม่เปิดเผยนาม)ว่ามีผู้ลักลอบลำเลียงนำยาเสพติด โดยจะเป็นชายรูปร่างอ้วนถ้วนใช้รถจักรยานยนต์สีดำไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน โดยใช้เส้นทางถนนสาธารณะบ้านผาช่อ หมู่ 4 ต.แม่สุก อ.แจ้ห่ม จ.ลำปาง เจ้าหน้าที่จึงได้ร่วมกันตั้งด่านสกัดยาเสพติดบริเวณจุดที่ได้รับแจ้ง

ต่อมา ได้มีรถจักรยานยนต์แล่นผ่านมายังจุดสกัด เจ้าหน้าที่ได้ให้สัญญาณให้หยุดรถ พบผู้ขับขี่เป็นชาย ทราบชื่อภายหลัง คือ นายนายศรยุทธ ซึ่งขับขี่รถจักรยานยนต์ ยี่ฮ้อ ฮอนด้าสีดำ ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียนตรงตามที่สายลับแจ้ง จึงแสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อขอตรวจค้น ผลปรากฎว่าพบยาบ้าบรรจุอยู่ในซองพลาสติกแบบรูดปิดสีฟ้า อยู่ในกระเป๋าผ้าแบบสะพายข้างสีเขียวขี้ม้า ที่แขวนอยู่หน้ารถของนายศรยุทธจำนวนหลายซองด้วยกัน เจ้าหน้าที่จึงจับกุมตัวนายศรยุทธทันที

จากการสอบถามนายศรยุทธ ให้การรับสารภาพว่ายาบ้าทั้งหมดเป็นของตนจริง โดยตนได้ไปรับยาบ้าจากชาวเขาไม่ทราบชื่อ ที่ป่าละเมาะข้างทาง ในราคา 13,000 บาท เพื่อจะนำไปจำหน่าย และตนได้เสพยาบ้ามาจำนวน 4 เม็ดที่ป่าละเมาะข้างทาง เจ้าหน้าที่จึงได้ตรวจปัสสาวะของนายศรยุทธ พบมีผลเป็นบวก จึงควบคุมตัวโดยกล่าวหาว่า “จำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท(เมทแอมเฟตามีนหรือยาบ้า)โดยมีไว้เพื่อจำหน่ายอันเป็นการกระทำเพื่อการค้าและก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชน” นำส่งพนักงานสอบสวน สภ.แจ้ห่มฯ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ร่วมแสดงความคิดเห็น