เมืองแพร่ นอกจากจะมีความสำคัญในฐานะเมืองเก่าแก่ที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานแล้ว ยังเป็นศูนย์กลางทางวัฒนธรรมและศาสนามาแต่โบราณ การสร้างเมืองบนที่ราบลุ่มแม่น้ำยมทำให้เมืองแพร่กลายเป็นพื้นที่ที่อุดมสมบูรณ์เหมาะแก่การตั้งถิ่นฐานและทำการเกษตร นอกจากนี้เมืองแพร่ยังเป็นศูนย์กลางการค้าขายและการคมนาคมที่สำคัญในยุคสมัยนั้น เนื่องจากมีเส้นทางเชื่อมโยงไปยังเมืองใกล้เคียง เช่น เมืองเชียงแสน เมืองน่าน และเมืองสุโขทัย
วัดหลวงศูนย์กลางศาสนาประจำเมือง
“วัดหลวงสมเด็จ” หรือ “วัดหลวง” ที่สร้างขึ้นโดยพญาพล เป็นวัดแห่งแรกของเมืองแพร่ โดยนอกจากจะเป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวเมืองแล้ว ยังเป็นสถานที่ประกอบศาสนพิธีและการเผยแผ่พระพุทธศาสนาในยุคแรกเริ่มของเมืองแพร่ ภายในวัดหลวงยังมีสิ่งก่อสร้างที่สำคัญ ได้แก่ พระอุโบสถเก่าแก่ที่สร้างขึ้นตามแบบศิลปะล้านนาตอนต้นและเจดีย์ทรงระฆังที่สร้างขึ้นเพื่อประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ ซึ่งชาวเมืองแพร่เคารพสักการะมาอย่างยาวนาน
สืบสานความรุ่งเรืองผ่านยุคสมัย
หลังจากการครองราชย์ของพญาพล เมืองแพร่ได้ถูกปกครองโดยท้าวพหุสิงห์ราชบุตรผู้สืบราชบัลลังก์ต่อจากพระบิดาในปี พ.ศ. 1387 ท้าวพหุสิงห์ได้สานต่อพระราชปณิธานในการพัฒนาเมือง ทั้งการสร้างวัดวาอาราม การเสริมความมั่นคงของคูเมืองและกำแพงเมือง รวมถึงการดูแลความเป็นอยู่ของประชาชนให้มีความสงบสุข
ความสำคัญทางประวัติศาสตร์ของเมืองแพร่
เมืองแพร่ไม่ได้เป็นเพียงแค่ศูนย์กลางความเจริญทางศาสนา แต่ยังเป็นพื้นที่ที่แสดงให้เห็นถึงความผสมผสานทางวัฒนธรรมของกลุ่มชนต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น ชาวไทลื้อ ไทเขิน และชาวพื้นเมืองที่อยู่ร่วมกันอย่างกลมกลืน ส่งผลให้เมืองแพร่มีเอกลักษณ์ทั้งในด้านประเพณี ศิลปกรรม และสถาปัตยกรรม โดยเฉพาะวัดวาอารามที่ยังคงหลงเหลืออยู่จนถึงปัจจุบัน เช่น วัดหัวข่วง วัดศรีชุม และวัดพระธาตุช่อแฮ ซึ่งล้วนเป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่แสดงถึงความรุ่งเรืองของเมืองแพร่ในอดีต
พญาพล ผู้เป็นต้นกำเนิดของเมืองแพร่ ไม่เพียงแต่สร้างบ้านแปงเมืองเท่านั้น แต่ยังได้สร้างพื้นฐานทางศาสนาและวัฒนธรรมที่มั่นคงสืบต่อมาถึงปัจจุบัน เมืองแพร่จึงถือเป็นอีกหนึ่งเมืองที่มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมคู่กับดินแดนไทยมาอย่างยาวนาน ตลอดหลายศตวรรษที่ผ่านมา
รูปภาพและแหล่งข้อมูล : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดแพร่ https://phrae.prd.go.th/th/content/category/detail/id/9/iid/218061
ร่วมแสดงความคิดเห็น