จากคูคันดินสู่กำแพงเมือง “เรื่องราวเวียงแพร่”

เวียงแพร่ เป็นชุมชนโบราณที่มีคูคันดินและกำแพงเมืองล้อมรอบ โดยมีลักษณะเป็นเมืองรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า มีกำแพงเมือง 1 ชั้นและคูเมือง 1 ชั้น ขุดล้อมรอบเนินดินธรรมชาติที่เกิดจากตะกอนทับถมของแม่น้ำยม รวมทั้งหมด 3 เนิน ตัวเมืองมีขนาดกว้างที่สุดประมาณ 830 เมตร และยาวที่สุดประมาณ 1,466 เมตร เดิมมีประตูเมือง 4 ประตู ได้แก่ ประตูชัย ประตูยั้งม้า ประตูศรีชุม และประตูมาน

ความสำคัญทางประวัติศาสตร์
เวียงแพร่เคยเป็นศูนย์กลางของนครรัฐแพร่ จนกระทั่งในปี พ.ศ. 1986 พระเจ้าติโลกราชแห่งอาณาจักรล้านนาโปรดให้ทัพหลวงมาตีเมืองแพร่ ซึ่งในขณะนั้นปกครองโดยท้าวแม่นคุณ หลังจากนั้นเมืองแพร่ก็ตกอยู่ภายใต้อำนาจของพม่าและกลับมาเป็นส่วนหนึ่งของสยามในสมัยพระเจ้ากรุงธนบุรี ในช่วงรัตนโกสินทร์เมืองแพร่ได้รับการยกย่องให้เป็นหนึ่งใน 5 หัวเมืองประเทศราชที่สำคัญของสยาม โดยมีเมืองขึ้น 2 เมือง ได้แก่ เมืองสองและเมืองม่าน

การขุดค้นทางโบราณคดี
มีการขุดค้นเวียงแพร่ทางโบราณคดีทั้งหมด 4 ครั้ง ซึ่งได้ค้นพบหลักฐานที่มีความสำคัญ ดังนี้

  1. การขุดค้นครั้งที่ 1 (พ.ศ. 2539)
    บริเวณวัดศรีชุม พบเศษภาชนะดินเผาแบบเคลือบและไม่เคลือบ เช่น เครื่องถ้วยเชลียงจากแหล่งเตาศรีสัชนาลัย และเครื่องถ้วยจีนเคลือบสีเขียว (Celadon) สมัยราชวงศ์หยวน นอกจากนี้ยังพบร่องรอยเตาไฟและเศษถ่านที่บ่งบอกถึงการอยู่อาศัยของมนุษย์ในช่วงพุทธศตวรรษที่ 19-20
  2. การขุดค้นครั้งที่ 2 (พ.ศ. 2547)
    บริเวณกำแพงเมือง พบชิ้นส่วนภาชนะดินเผาประเภทเนื้อแกร่งที่มีการเคลือบสีดำ สีเขียวมะกอก และสีน้ำตาลไหม้ ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์จากแหล่งเตาลำปาง เตาบ่อสวก (น่าน) และเตาเมืองพะเยาหลักฐานเหล่านี้ช่วยกำหนดอายุการสร้างกำแพงเมืองแพร่อยู่ในช่วงพุทธศตวรรษที่ 19-22 หรือประมาณ 800-400 ปีมาแล้ว
  3. การขุดค้นครั้งที่ 3 (บูรณะเจดีย์วัดหลวง)
    บริเวณฐานกำแพงวัดด้านทิศตะวันออก พบเศษเครื่องถ้วยเนื้อแกร่งสีน้ำตาลลายขูดขีดเส้นคลื่น ซึ่งคล้ายกับเครื่องถ้วยจากแหล่งเตาเชลียงและบ่อสวก หลักฐานนี้บ่งชี้ว่ามีการใช้พื้นที่ในเวียงแพร่อย่างต่อเนื่องในช่วงพุทธศตวรรษที่ 19-22
  4. การขุดค้นครั้งที่ 4 (ชุมชนร่องซ้อ)
    พบเศษภาชนะดินเผาจากแหล่งเตาสันกำแพง ซึ่งผลิตภาชนะที่มีลักษณะเนื้อดินหยาบสีเทาและเคลือบสีเขียวหรือน้ำตาล การวิเคราะห์ทางวิทยาศาสตร์ด้วยวิธีเรืองแสงความร้อน (TL Dating) ช่วยกำหนดอายุชั้นคันดินและภาชนะดินเผาให้อยู่ในช่วงพุทธศตวรรษที่ 19-20

การขุดค้นทางโบราณคดีทั้ง 4 ครั้งทำให้ทราบว่า เวียงแพร่ ถูกสร้างขึ้นในช่วงพุทธศตวรรษที่ 19 และมีความเจริญรุ่งเรืองอย่างต่อเนื่องมาจนถึงพุทธศตวรรษที่ 22 โดยพบหลักฐานทางวัตถุที่สะท้อนถึงการติดต่อค้าขายกับแหล่งผลิตสำคัญ เช่น ศรีสัชนาลัย ลำปาง บ่อสวก และแหล่งเตาสันกำแพง เวียงแพร่จึงถือเป็นแหล่งประวัติศาสตร์ที่มีความสำคัญยิ่งในการศึกษาวิถีชีวิต วัฒนธรรม และการพัฒนาเมืองในอดีตของภาคเหนือของประเทศไทย

รูปภาพและแหล่งข้อมูล : กรมศิลปากร https://www.finearts.go.th/main/view/30172-เวียงแพร่-การดำเนินงานทางโบราณคดีและการกำหนดอายุสมัย
Museum Thailand https://www.museumthailand.com/en/3511/storytelling/กำแพงเมืองแพร่/

ร่วมแสดงความคิดเห็น