วัดเจดีย์เหลี่ยม หรือที่รู้จักกันในอีกชื่อว่า วัดกู่คำ เป็นหนึ่งในโบราณสถานที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ของเมืองเชียงใหม่ โดดเด่นด้วยเจดีย์ขนาดใหญ่ที่ยังคงสภาพสมบูรณ์และงดงาม แม้ว่ากาลเวลาจะล่วงเลยมากว่าหลายร้อยปี วัดแห่งนี้สร้างขึ้นในราวปี พ.ศ. 1831 ในสมัยที่พญามังรายทรงสถาปนาเมืองเวียงกุมกามขึ้นเป็นราชธานีแห่งอาณาจักรล้านนา
โครงสร้างดั้งเดิมของวัดเจดีย์เหลี่ยมได้รับอิทธิพลจากศิลปะหริภุญชัย เช่นเดียวกับ เจดีย์กู่กุด วัดจามเทวี จังหวัดลำพูน ซึ่งเป็นต้นแบบของเจดีย์แบบสี่เหลี่ยมซ้อนชั้นตามคตินิยมของศิลปะยุคนั้น ต่อมาในช่วงปลายรัชกาลที่ 5 มีการบูรณะครั้งใหญ่โดย หลวงโยนการวิจิตร คหบดีชาวมอญสัญชาติพม่าที่เข้ามาทำการค้าในเชียงใหม่ ส่งผลให้ศิลปกรรมบางส่วนของวัดเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะลวดลายปูนปั้น การตกแต่งซุ้มจระนำ และพระพุทธรูปที่แสดงให้เห็นถึงอิทธิพลของศิลปะพม่าอย่างชัดเจน
องค์เจดีย์ของวัดเจดีย์เหลี่ยมมีลักษณะเป็น เจดีย์ทรงปราสาทฐานสี่เหลี่ยมจัตุรัส ซ้อนลดหลั่นกัน 5 ชั้น แต่ละด้านของเจดีย์มีซุ้มจระนำประดิษฐานพระพุทธรูป รวมทั้งหมด 60 องค์ ล้อมรอบด้วยลานประทักษิณและกำแพงแก้วที่มีทางเข้าหลักอยู่ทางทิศตะวันออกและทิศใต้ ความพิเศษของเจดีย์นี้คือแต่ละทิศจะประดิษฐานพระพุทธรูปในปางที่แตกต่างกัน เช่น ปางสมาธิ ปางมารวิชัย และปางประทับนั่งห้อยพระบาท ส่วนมุมของเจดีย์ประดับด้วยสิงห์ปูนปั้น สะท้อนให้เห็นถึงอิทธิพลของศิลปะล้านนาและพม่าที่ผสมผสานกันอย่างลงตัว
ในปี พ.ศ. 2539 – 2540 กรมศิลปากรได้ดำเนินการบูรณะและขุดค้นทางโบราณคดีบริเวณฐานเจดีย์ ทำให้ค้นพบหลักฐานทางประวัติศาสตร์มากมาย ไม่ว่าจะเป็นหม้อบรรจุกระดูก ภาชนะดินเผาจากแหล่งเตาต่างๆ ในประเทศไทย เครื่องถ้วยจีนที่มีลวดลายเขียนสี รวมถึงเศษจารึกหินทรายที่เป็นหนึ่งในตัวอย่างของอักษรไทยยุคแรกในล้านนา ซึ่งคาดว่ามีอายุราวพ.ศ. 1835 – 1900 นอกจากนี้ยังพบว่าฐานเจดีย์ถูกสร้างซ้อนทับกันถึง 7 สมัย ซึ่งการก่อสร้างครั้งสุดท้ายอาจเกิดขึ้นราวปี พ.ศ. 2479
ปัจจุบันวัดเจดีย์เหลี่ยมกลายเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญของจังหวัดเชียงใหม่ นักท่องเที่ยวจำนวนมากเดินทางมาเยี่ยมชมความงดงามของศิลปะโบราณ พร้อมทั้งศึกษาประวัติศาสตร์ที่แฝงอยู่ในสถาปัตยกรรมของวัดแห่งนี้ ภายในบริเวณวัดมีร้านค้าต่างๆ คอยให้บริการนักท่องเที่ยว ทำให้สถานที่แห่งนี้ไม่เพียงแต่เป็นศาสนสถานที่มีคุณค่าทางศิลปะและวัฒนธรรม แต่ยังเป็นจุดหมายปลายทางที่สำคัญสำหรับผู้ที่ต้องการสัมผัสกลิ่นอายของอาณาจักรล้านนาในอดีต
แม้ว่าวัดเจดีย์เหลี่ยมจะได้รับการบูรณะหลายครั้งและมีการเปลี่ยนแปลงทางศิลปกรรมไปตามยุคสมัย แต่อัตลักษณ์ดั้งเดิมที่เชื่อมโยงกับอาณาจักรหริภุญชัยก็ยังคงปรากฏให้เห็นได้อย่างชัดเจน วัดแห่งนี้จึงเป็นเสมือนหลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่สะท้อนถึงความรุ่งเรืองของอาณาจักรล้านนา และยังคงเป็นแหล่งมรดกทางศิลปะที่ทรงคุณค่าให้คนรุ่นหลังได้ศึกษาและเยี่ยมชมต่อไป
ที่มา : https://archaeology.sac.or.th/archaeology/620 , https://www.finearts.go.th/fad7/view/21698-%E0%B9%80%E0%B8%A7%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%87%E0%B8%81%E0%B8%B8%E0%B8%A1%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%81%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%A5%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%A9%E0%B8%93%E0%B8%B0%E0%B8%97%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%92%E0%B8%99%E0%B8%98%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%A1%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%AA%E0%B8%B1%E0%B8%A1%E0%B8%9E%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%98%E0%B9%8C%E0%B8%81%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%AB%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B8%A0%E0%B8%B8%E0%B8%8D%E0%B9%84%E0%B8%8A%E0%B8%A2
รูปภาพจาก : https://www.chiangmainews.co.th/news/1688050/#google_vignette
ร่วมแสดงความคิดเห็น