“สิงห์คู่” จากตำนานพม่าสู่ความเชื่อในล้านนา

สิงห์คู่หน้าวัดพระธาตุหริภุญชัยเป็นรูปปั้นสิงห์ขนาดใหญ่ที่มีลักษณะโดดเด่นและมีความสำคัญทั้งในแง่ของศิลปะและความเชื่อในประวัติศาสตร์ล้านนา สิงห์ตัวนี้ก่อด้วยอิฐและฉาบปูน ทรงเครื่องแบบสมพระเกียรติ มันยืนอยู่ในท่าที่อ้าปากกระดกลิ้น มีเครา และหางที่ตั้งม้วนเป็นขดอยู่กลางหลัง ซึ่งถูกระบายด้วยสีแดงก่ำและตกแต่งด้วยลายปูนปั้นสีขาวอย่างละเอียด นอกจากนี้ยังมีการสร้างศาลามีหลังคาคลุมเพื่อปกป้องสิงห์จากการชำรุด รวมถึงมีลวดถักที่พันรอบตัวสิงห์เพื่อไม่ให้เสียหายตามกาลเวลา

สิงห์ตัวนี้ถูกเรียกในท้องถิ่นว่า “สิงห์ไถ่บาป” ซึ่งคำนี้มีความหมายลึกซึ้งตามความเชื่อของชาวล้านนาและพม่า โดยเชื่อกันว่า สิงห์ถูกใช้เป็นสัญลักษณ์ของราชวงศ์ศรีศากยมุนีในอินเดียโบราณ ซึ่งเป็นราชวงศ์ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า สิงห์จึงถูกนำมาใช้ประดับตกแต่งงานพุทธศิลป์ต่างๆ และเป็นสัญลักษณ์ของผู้เฝ้าประตูวัดหรือทวารบาลที่มีหน้าที่ปกป้องรักษาศาสนสถาน

ตำนานที่เกี่ยวข้องกับสิงห์ไถ่บาปนั้นมีที่มาจากเรื่องราวของชาวพม่า ซึ่งมีอิทธิพลต่อความเชื่อของชาวล้านนาในช่วงเวลานานกว่า 200 ปี ตามตำนานนี้ พระธิดาของพระราชาองค์หนึ่งหายตัวไปในป่าและถูกนางสิงห์เลี้ยงดูเป็นลูกอยู่หลายปีจนกระทั่งพระราชาตามหาพบและพรากพระธิดากลับไป นางสิงห์ซึ่งรักพระธิดาดั่งลูกก็เกิดความเสียใจจนกลั้นใจตายไม่สามารถข้ามแม่น้ำติดตามพระธิดาไปได้ หลังจากเหตุการณ์นี้ พระราชาจึงสร้างอนุสาวรีย์นางสิงห์เพื่อขอขมาและเป็นที่ระลึก ถึงการสูญเสียครั้งนี้ จึงทำให้คำว่า “สิงห์ไถ่บาป” กลายเป็นสัญลักษณ์สำคัญที่มักถูกนำไปใช้ในการตกแต่งหน้าวัด

ตามตำนานนี้ สิงห์ไถ่บาปควรจะเป็นเพศเมียที่มีท่าทางโก่งคอตะโกนร้องเรียกหาพระธิดา แต่สิงห์คู่ที่ตั้งอยู่หน้าวัดพระธาตุหริภุญชัยเป็นสิงห์เพศผู้ ซึ่งทำให้สันนิษฐานได้ว่า ตำนานเกี่ยวกับสิงห์ไถ่บาปน่าจะถูกผูกขึ้นภายหลัง โดยเฉพาะเมื่อพิจารณาถึงการสร้างสิงห์ไถ่บาปตามวัดต่างๆ โดยชาวยองที่อพยพมาตั้งถิ่นในลำพูน ก่อนที่สะพาน “ขัวมุง” หรือสะพานมีหลังคาคลุมข้ามแม่น้ำกวงจะถูกสร้างขึ้นบริเวณหน้าวัดพระธาตุหริภุญชัยเคยมีสะพานชื่อว่า “ขัวท่าสิงห์” ซึ่งสะพานนี้ได้ชื่อนี้มาจากรูปปั้นสิงห์ไถ่บาปที่ตั้งอยู่หน้าวัดเป็นการยืนยันถึงความสำคัญและบทบาทของสิงห์ที่เชื่อมโยงกับประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของชาวล้านนาและพม่า

รูปภาพและแหล่งข้อมูล หอจดหมายเหตุแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เชียงใหม่ https://www.finearts.go.th/chiangmaiarchives/view/30191-%E0%B8%AA%E0%B8%B4%E0%B8%87%E0%B8%AB%E0%B9%8C%E0%B8%84%E0%B8%B9%E0%B9%88

ร่วมแสดงความคิดเห็น