“กรมเจรจาฯ” ควง “สภาเกษตรกรแห่งชาติ” ลงพื้นที่จังหวัดน่าน ดันสินค้าสุดยอดกาแฟไทย สมุนไพรแปรรูป มะม่วง ผ้าทอพื้นเมือง เร่งใช้ประโยชน์จาก FTA รุกตลาดส่งออก
เมื่อวันที่ 18 กันยายน 2565 ที่ ห้างหุ้นส่วนจำกัด น่านดูโอ คอฟฟี่ อำเภอเวียงสา จังหวัดน่าน นางสาวบุณิกา แจ่มใส รองอธิบดี กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ พร้อมด้วย นายชูศักดิ์ ชื่นประโยชน์ รองประธานกรรมการหอการค้าไทย , นายสมบัติ ชินสุขเสริมรองประธานหอการค้าไทย ประธาน คณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจพื้นที่ภาคเหนือ , นายรัตนะ สวามีชัย เลขาธิการสภาเกษตรกรแห่งชาติ , นายชนินทร์ ชินวงศ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ช็อกโกทอส จำกัด , นางสาววัชรี พรมทอง กรรมการผู้จัดการ ห้างหุ้นส่วนจำกัด น่านดูโอ้ คอฟฟี่ , นางสุเกวรินที เหล็กนาพญา พาณิชย์จังหวัดน่าน ร่วมกับกลุ่มเกษตรกรในพื้นที่จังหวัดน่าน โดยกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ จับมือสภาเกษตรกรแห่งชาติ ร่วมขับเคลื่อนนโยบาย “เกษตรผลิต พาณิชย์ตลาด” นำทัพวิทยากรผู้เชี่ยวชาญด้านการตลาดและการค้าระหว่างประเทศ ลงพื้นที่จัดสัมมนาและพบหารือเกษตรกร วิสาหกิจชุมชน และผู้ประกอบการที่มีศักยภาพในจังหวัดน่านผู้ผลิตสินค้ากาแฟ สมุนไพรแปรรูป มะม่วง ผ้าทอพื้นเมือง พร้อมจัดเวทีวิเคราะห์สินค้า ให้คำแนะนำเรื่องการยกระดับการผลิตสินค้าและพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพและมาตรฐาน การสร้างความแตกต่างของผลิตภัณฑ์ และแนวทางการเพิ่มมูลค่าสินค้า พร้อมชี้ช่องโอกาสการใช้ประโยชน์จาก FTA ขยายการส่งออก
นางสาวบุณิกา แจ่มใส รองอธิบดี กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า กรมได้จัดโครงการ “การเพิ่มศักยภาพเกษตรกรในยุคการค้าเสรี” ระหว่างวันที่ 18 – 20 กันยายน 2565 ณ จังหวัดน่าน โดยทำงานร่วมกับหน่วยงานพันธมิตรทั้งสภาเกษตรกรแห่งชาติ พาณิชย์จังหวัดน่าน สำนักงานสภาเกษตรกรจังหวัดน่าน ลงพื้นที่พบหารือกับเกษตรกร วิสาหกิจชุมชน และผู้ประกอบการ ผู้ผลิตสินค้าที่มีศักยภาพ ได้แก่ กาแฟ สมุนไพรแปรรูป มะม่วง ผ้าทอพื้นเมือง พร้อมกับจัดงานสัมมนาและเปิดเวทีวิเคราะห์สินค้าโดยนำทีมวิทยากรผู้เชี่ยวชาญมาให้คำแนะนำเรื่องการใช้ประโยชน์จาก FTA โอกาสการค้าในตลาดการค้าเสรี กฎระเบียบทางการค้า การออกแบบบรรจุภัณฑ์ การผลิตสินค้าเกษตรอินทรีย์ BCG และ Zero Waste และกลยุทธ์การทำตลาดแบบออนไลน์และออฟไลน์ โดยเฉพาะแนวทางการเพิ่มมูลค่าสินค้า ที่อาจพิจารณาใช้เครื่องมือด้านการผลิตสินค้าที่มีคุณภาพและมาตรฐาน การสร้างเรื่องราว การขึ้นทะเบียนเป็นสินค้า GI การประชาสัมพันธ์สินค้าของดีในพื้นที่ให้เป็นที่รู้จักในวงกว้าง และการใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยีเพื่อสร้างเอกลักษณ์และความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ ซึ่งเป็นประโยชน์กับเกษตรกร วิสาหกิจชุมชน และผู้ประกอบการ ที่เข้าร่วมงานเนื่องจากสามารถนำความรู้ไปพัฒนาต่อยอดผลิตภัณฑ์ให้ตรงกับความต้องการของตลาดและจำหน่ายได้ในราคาสูงขึ้น อย่างไรก็ดี การจัดโครงการในครั้งนี้ เป็นการดำเนินงานตามนโยบายกระทรวงพาณิชย์ “เกษตรผลิต พาณิชย์ตลาด” โดยต้องให้ความสำคัญกับการผลิตสินค้าที่มีคุณภาพตั้งแต่ต้นน้ำ ซึ่งจะช่วยสร้างความมั่นใจให้กับผู้บริโภค และเน้นการผลิตสินค้าที่เข้าใจพฤติกรรมของผู้บริโภคคนรุ่นใหม่ที่ให้ความสำคัญเรื่องอาหารปลอดภัย สินค้าเพื่อสุขภาพ การเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และการทำตลาดแบบออนไลน์
นางสาวบุณิกา แจ่มใส รองอธิบดี กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กล่าวเพิ่มเติมว่า การลงพื้นที่จังหวัดน่านในครั้งนี้ กรมได้พบหารือผู้ประกอบการห้างหุ้นส่วนจำกัด น่านดูโอ คอฟฟี่ อำเภอเวียงสา และวิสาหกิจชุมชนกาแฟเดอม้งมณีพฤกษ์ อำเภอทุ่งช้าง ซึ่งเป็นผู้ผลิตเมล็ดกาแฟและผลิตภัณฑ์กาแฟแปรรูป โดยจุดเด่นของน่านดูโอ คอฟฟี่ คือ รับซื้อเมล็ดกาแฟพันธุ์อะราบิกาและพันธุ์โรบัสตาจากเกษตรกรลูกไร่ 1,400 ครัวเรือนในจังหวัดน่าน และควบคุมวัตถุดิบที่มีคุณภาพตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ มีผลิตภัณฑ์กาแฟคั่ว กาแฟสำเร็จรูป 3 in 1 และร้านกาแฟ แฟรนไชส์ ทำให้กาแฟของน่านดูโอ มีรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ คือ หอม เข้ม และกลมกล่อม โดยวางจำหน่ายในห้างโมเดิร์นเทรดทั้งแม็คโคร บิ๊กซี โลตัส Tops Supermarket ทั่วประเทศ อีกทั้งน่านดูโอได้บริหารวัตถุดิบให้มีประสิทธิภาพสูงสุด โดยนำกากกาแฟมาพัฒนาเป็นสบู่กาแฟและเครื่องสำอาง ที่สอดรับกับแนวคิด Zero Waste ซึ่งผู้ประกอบการต้องการส่งออกผลิตภัณฑ์ไปตลาดต่างประเทศ ส่วนกาแฟเดอม้งมณีพฤกษ์มีจุดแข็งคือ เป็นกาแฟพันธุ์อะราบิกาที่ปลูกในพื้นที่ดินภูเขาไฟมีแร่ธาตุโพแทสเซียมสูง เป็นประโยชน์ต่อร่างกายในการลดความเสี่ยงของโรคหัวใจและหลอดเลือด ปลูกแบบธรรมชาติเป็นเกษตรอินทรีย์ที่ไม่พึ่งพาสารเคมีในทุกขั้นตอน โดยทำปุ๋ยหมักใช้เอง รวมถึงได้รับรางวัลจากการประกวดแข่งขันคุณภาพกาแฟหลายเวที อาทิ รางวัลชนะเลิศการประมูล 10 สุดยอดกาแฟไทย ปี 2565 ประเภทกาแฟอะราบิกาแบบกึ่งแห้ง ได้ราคาการประมูลสูงถึงกิโลกรัมละ 23,000 บาท ซึ่งนับว่ากาแฟของจังหวัดน่านเป็นสินค้าที่มีศักยภาพและมีชื่อเสียงอันดับต้นของประเทศ
นอกจากนี้ กรมยังได้แลกเปลี่ยนข้อมูลการค้ากับเกษตรกรและผู้ประกอบการของวิสาหกิจชุมชนชีววิถีตำบลนาเกี๋ยน อำเภอภูเพียง เป็นวิสาหกิจชุมชนที่มีความเข้มแข็ง มีเกษตรกรสมาชิกจำนวน 700 ราย เป็นผู้ผลิตสินค้าสมุนไพรแปรรูปมากกว่า 40 รายการ อาทิ เครื่องสำอาง แชมพู ครีมทาผิวกาย ครีมทาผิวหน้า เป็นต้น วางจำหน่ายผลิตภัณฑ์ทั่วประเทศที่ร้านสมุนไพรตำรับไทย ร้านสะดวกซื้อ 7-11 และ Tops Supermarket ซึ่งวิสาหกิจชุมชนต้องการส่งออกสินค้าสมุนไพรแปรรูปไปตลาด CLMV กัมพูชา สปป.ลาว เมียนมา และเวียดนาม โดยใช้ประโยชน์จาก FTA และกรมได้พบหารือกับเกษตรกรและผู้ประกอบการวิสาหกิจชุมชนแปลงใหญ่ปลูกมะม่วงเพื่อการส่งออกป่ากลาง อำเภอปัว ผู้ผลิตมะม่วงและลำไยที่มีคุณภาพคือ มะม่วงน้ำดอกไม้เบอร์ 5 มะม่วงน้ำดอกไม้สีทอง มะม่วงพิมเสนมัน มะม่วงเขียวเสวย มะม่วงโชคอนันต์ และลำไยสายพันธุ์อีดอ ที่มีการจำหน่ายในตลาดภายในประเทศและส่งออกไปตลาดญี่ปุ่นและตลาดเกาหลีใต้ ทั้งนี้ จะเห็นได้ว่า จังหวัดน่านมีสินค้าเกษตรที่มีคุณภาพและมาตรฐานระดับพรีเมียม ที่จำหน่ายได้ในราคาสูงทั้งตลาดในประเทศและต่างประเทศ และสร้างรายได้ให้กับเกษตรกรและคนในพื้นที่ กรมได้ชี้แนะให้กลุ่มเป้าหมายขยายการส่งออกไปตลาดโลก โดยใช้ FTA ที่ไทยจัดทำไว้ 14 ฉบับ กับ 18 ประเทศ เช่น อาเซียน จีน อินเดีย ญี่ปุ่น เป็นต้น ซึ่งประเทศคู่ค้าได้ลดและยกเว้นภาษีนำเข้าศุลกากรให้กับสินค้าจากไทยแล้ว เพื่อสร้างแต้มต่อทางการค้า
ปัจจุบัน ปรโะเทศคู่ค้า FTA ได้ยกเว้นภาษีนำเข้าสินค้าเมล็ดกาแฟจากไทยทุกรายการแล้ว ยกเว้น 4 ประเทศ ได้แก่ ญี่ปุ่น จีน เปรู และอินเดีย สำหรับในช่วง 7 เดือนแรกของปี 2565 (มกราคม-กรกฎาคม) ไทยส่งออกสินค้าเมล็ดกาแฟไปตลาดโลก มูลค่า 1.8 ล้านเหรียญสหรัฐฯ มีตลาดส่งออกสำคัญ 5 อันดับ ได้แก่ อาเซียน ญี่ปุ่น สหรัฐฯ เยอรมนี และแคนาดาสำหรับสินค้าผลิตภัณฑ์กาแฟพบว่า 17 ประเทศคู่ค้า FTA ได้ยกเว้นภาษีนำเข้าผลิตภัณฑ์กาแฟจากไทยทุกรายการแล้ว ยกเว้นอินเดียที่ยังคงเก็บภาษีร้อยละ 30 โดยในช่วง 7 เดือนแรกของปี 2565 (มกราคม-กรกฎาคม) ไทยส่งออกผลิตภัณฑ์กาแฟไปตลาดโลก มูลค่า 60 ล้านเหรียญสหรัฐฯ มีตลาดส่งออกสำคัญ 5 อันดับ ได้แก่ อาเซียน ออสเตรเลีย ฮ่องกง จีน และเนเธอร์แลนด์
สัมภาษณ์นางสาวบุณิกา แจ่มใส รองอธิบดี กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ
ร่วมแสดงความคิดเห็น