รอง ผบช.ภ.5 ลงพื้นที่ติดตามความคืบหน้าเหตุทุบหัวยายชิงทอง

รอง ผบช.ภ.5 ลงพื้นที่ติดตามความคืบหน้า เหตุทุบหัวยายชิงทอง ชาวบ้านทราบข่าวไปรอเก้อ นึกว่าตำรวจพาคนร้ายไปทำแผน

เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 9 ส.ค. 67 จากกรณีการเสียชีวิตของนางเสงี่ยม อายุ 71 ปี ถูกฆาตกรรมอย่างโหดเหี้ยมภายในบ้าน พื้นที่ ม.16 ต.ป่าอ้อดอนชัย อ.เมืองเชียงราย และมีชาวบ้านไปพบศพเมื่อช่วงบ่ายของวันที่ 5 สิงหาคม ที่ผ่านมา วันนี้ พล.ต.ท.กฤตธาพล ยี่สาคร ผบช.ภ.5 มอบหมายให้ พล.ต.ต.วีรชน บุญทวี รอง ผบช.ภ.5 มาติดตามความคืบหน้าของคดีที่ สภ.เมืองเชียงราย โดยมี พ.ต.อ.พิพัฒน์ นาระเดช รอง ผบก.ภ.จ.เชียงราย พ.ต.อ.โสภณ ม่วงเฟื่อง ผกก.สภ.เมืองเชียงราย และเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้องร่วมให้ข้อมูล

พล.ต.ต.วีรชน บุญทวี รอง ผบช.ภ.5 เผยกับผู้สื่อข่าวภายในห้องประชุม ศปก.สภ.เมืองเชียงราย ว่า เหตุการณ์คนร้ายทำร้ายผู้สูงอายุเพื่อชิงทรัพย์ ทาง ผบช.ภ.5 ได้ให้ความสนใจเป็นพิเศษ จึงมอบหมายให้ตน พร้อมกับทีมงานสืบสวนภาค 5 มาร่วมทำงานกับทีมสืบสวน จ.เชียงราย และทีมสืบสวน สภ.เมืองเชียงราย เพื่อช่วยสนับสนุนการสืบสวนสอบสวนในคดีนี้ เนื่องจากเป็นคดีอุกฉกรรจ์ในพื้นที่เมืองเชียงราย และเป็นที่สนใจของพี่น้องประชาชน สำหรับคนดีนี้ตั้งแต่วันแรกที่ได้รับแจ้งเหตุ ผบช.ภ.5 ก็ได้สั่งการให้ สภ.เมืองเชียงราย จัดชุดสืบสวนสอบสวน รวมถึงเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานจากสำนักงานพิสูจน์หลักฐาน จ.เชียงราย ลงพื้นที่ร่วมกับแพทย์ รพ.เชียงรายประชานุเคราะห์ เพื่อเก็บวัตถุหลักฐานในที่เกิดเหตุ เนื่องจากบ้านที่เกิดเหตุอยู่ในพื้นที่ห่างไกลจากชุมชน อยู่ท้ายหมู่บ้าน เราจึงต้องเก็บพยานหลักฐานค่อนข้างจะละเอียด และศพผู้เสียชีวิตก็ส่งชันสูตรศพโดยแพทย์นิติเวช ผลการตรวจยังไม่แล้วเสร็จ ซึ่งทางตำรวจภูธรภาค 5 ก็ส่งทีมงานทั้งสืบสวนและสอบสวน ลงพื้นที่ทำงานร่วมกับ สภ.เมืองเชียงราย ตอนนี้ยังอยู่ในขั้นตอนของการสืบสวน

รอง ผบช.ภ.5 กล่าวต่อว่า ทางเจ้าหน้าที่ได้เรียกตัวผู้ที่อยู่แวดล้อมสถานที่เกิดเหตุมาให้ข้อมูล รวมทั้งผู้มีประวัติพ้นโทษ หรือมีประวัติอาชญากร เราได้ลงพื้นที่สืบสวนทุกกลุ่ม พยายามสอบสวนให้ครอบคลุมในทุกประเด็น ไม่ได้เฉพาะเจาะจงกลุ่มใดเป็นพิเศษ ซึ่งคนร้ายอาจจะเป็นคนรู้จักกับผู้ตาย เคยเข้าไปในบ้าน หรืออาจจะไม่ใช่คนในพื้นที่ที่ประสงค์ต่อทรัพย์ก็ได้ เนื่องจากที่เกิดเหตุอยู่ในพื้นที่ปลอดจากผู้คน การรวบรวมพยานหลักฐาน เราต้องอาศัยหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์เป็นสำคัญ ซึ่งจากการตรวจสอบก็มีทั้งรอยเท้าที่คาดว่าจะเป็นของคนร้าย รอยเลือดในที่เกิดเหตุ และบาดแผลตามตัวของผู้เสียชีวิต

“ผบก.ภ.จ.เชียงราย และ ผกก.สภ.เมืองเชียงราย ได้สั่งการให้ชุดสายตรวจ รวมถึงชุดปฏิบัติการพิเศษ เพิ่มความเข้มข้นในการลงพื้นที่ตรวจตราบริเวณที่เกิดเหตุ ก็อยากจะฝากไปถึงพี่น้องประชาชนว่าในกรณีนี้ได้มั่นใจว่าทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้ให้ความสำคัญและเพิ่มความเข้มข้นในการตรวจตราอยู่แล้ว ส่วนการเรียกสอบตอนนี้ได้เรียกผู้อยู่แวดล้อมที่เกิดเหตุและผู้ต้องสงสัยมาให้ข้อมูลมากกว่า 10 ปากแล้ว สันนิษฐานว่าคนร้ายน่าจะมีแค่คนเดียว โดยประเด็นชิงทรัพย์ก็เป็นประเด็นสำคัญต้นๆในการก่อเหตุ แต่ประเด็นอื่น ๆ เราก็ไม่ได้ตัดทิ้ง อย่างเช่น ประเด็นความขัดแย้งส่วนตัว ประเด็นความขัดแย้งในครอบครัว ก็ยังไม่ได้ตัดทิ้งแต่อย่างใด” รอง ผบช.ภ.5 กล่าว

ต่อมาในเวลา 14.30 น. พล.ต.ต.วีรชน บุญทวี รอง ผบช.ภ.5 และเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้อง ได้เดินทางไปที่บ้านใน ต.ป่าอ้อดอนชัย อ.เมืองเชียงราย ซึ่งเป็นสถานที่เกิดเหตุ ซึ่งวันนี้ได้มีชาวบ้านที่ทราบข่าวการมาของเจ้าหน้าที่ ได้มารออยู่ใกล้ที่เกิดเหตุเป็นจำนวนมาก โดยนายลวน พิระบรรณ์ ผญบ.ห้วยทราย กล่าวว่า วันนี้ชาวบ้านที่ทราบข่าวจากโซเชียลว่า ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยได้ และทำการควบคุมตัวไปสอบสวนที่ สภ.เมืองเชียงราย จึงพากันมารวมตัวอยู่ในที่เกิดเหตุ เพื่อจะรอดูหน้าคนร้าย ซึ่งคนที่ถูกคุมตัวไปสอบสวนเมื่อวานนี้ ได้ปรากฏในคลิปกล้องวงจรปิดว่าได้ขับขี่รถเข้าไปที่ซอย 6 ซึ่งเป็นซอยที่เป็นจุดเกิดเหตุ เมื่อเวลา 06.12 น. ของวันที่ 5 ส.ค.ที่ผ่านมา และขับขี่ออกจากซอยในเวลา 07.50 น. โดยบุคคลดังกล่าวพื้นเพเป็นคนพื้นที่ ต.ท่าสาย มีบ้านไปทางบ้านหัวดอย ห่างจากที่เกิดเหตุไม่ถึง 10 กม. เคยมีประวัติเกี่ยวข้องกับยาเสพติด แต่จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่ได้รับการยืนยันว่าเป็นคนก่อเหตุหรือไม่ ก็อยากให้ทางเจ้าหน้าที่ติดตามตัวคนร้ายมาดำเนินคดีเร็ว ๆ เพราะตอนนี้ชาวบ้านขวัญเสียกันเป็นอย่างมาก

หนึ่งในชาวบ้านที่มาอยู่ในที่เกิดเหตุเผยว่า ทีแรกเข้าใจว่าตำรวจจะพาคนร้ายมาทำแผน เพราะมีข่าวแชร์ต่อ ๆ กันมาว่า ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมตัวคนร้ายได้แล้ว ก็อยากมาดูหน้าคนร้าย แต่ปรากฏว่าเป็นเพียงการมาตรวจที่เกิดเหตุซ้ำ ก็อยากให้เจ้าหน้าที่ติดตามตัวคนก่อเหตุมาดำเนินคดีโดยเร็ว

ด้าน น.ส.จิตตนันท์ อายุ 42 ปี ลูกสาวคนเล็กของผู้ตาย เผยว่า ตนและลูกสาวไปมีครอบครัวอยู่ที่ จ.ภูเก็ต ส่วนพี่สาวอยู่ที่ จ.มหาสารคาม นาน ๆ ทีถึงจะกลับบ้านสักครั้ง ไม่คาดคิดว่าจะเกิดเหตุเศร้ากับแม่แบบนี้ หากคนร้ายยังมีจิตสำนึกความเป็นคนอยู่ ก็อยากให้เขามามอบตัว ส่วนเรื่องว่าจะอโหสิกรรมให้หรือไม่ ตนคงตอบไม่ได้

ลูกสาวผู้ตายเผยอีกว่า ทางครอบครัวพยายามปกปิดข่าวการตายไม่ให้ยายรู้ (แม่ของผู้ตาย) เพราะยายอายุเยอะแล้ว แถมมีโรคประจำตัวอีก ทราบข่าวนี้ไม่ได้เลย จึงต้องเอาศพไปประกอบพิธีที่วัดในหมู่บ้านป่าไผ่ ม.3 ต.ป่าอ้อดอนชัย และช่วงนี้พยายามจะปกปิดยายไปก่อน ส่วนพิธีศพจะเผาในวันอาทิตย์ที่ 11 ส.ค. นี้

หลังตรวจที่เกิดเหตุเสร็จ รอง ผบช.ภ.5 ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวเพิ่มว่า วันนี้มาตรวจที่เกิดเหตุเพิ่มเติมในบางประเด็นที่ยังมีข้อสงสัยอยู่ ก็จะดูพยานหลักฐานที่ทางเจ้าหน้าที่ได้มาว่าสอดคล้องกับในที่เกิดเหตุหรือเปล่า เพื่อจะนำมาประมวลข้อมูลในการสอบสวน ซึ่งเบื้องต้นคาดว่าอาวุธน่าจะเป็นของแข็ง ไม่มีคม มีร่องรอยตามเนื้อตัวผู้ตายหลายจุด ทั้งบริเวณศรีษะ และลำตัว โดยคนร้ายเข้าทางหน้าต่างด้านหน้าบ้าน ซึ่งอาจจะไม่ได้ล็อกไว้ ส่วนช่วงเวลาการเสียชีวิตยังต้องรอผลตรวจที่ชัดเจนจากนิติเวช แต่คาดว่าไม่น้อยกว่า 6 ชม. ก่อนจะพบศพ” พล.ต.ต.วีรชน รอง ผบช ภ.5 กล่าว

ร่วมแสดงความคิดเห็น