หนุ่มใหญ่หาเงินเสพยา ยกเค้าร้านมือถือกวาดเกลี้ยง 2 รอบ ได้ไป 2 แสนกว่าบาท หนีไม่รอด
เมื่อวันที่ 11 ตุลาคม 2565 เวลา 08.00 น. ร.ต.อ.สมบัติ เพาะจะโป๊ะ พงส.สภ.ปัว ได้รับแจ้งเหตุจากศูนย์วิทยุ 191 ตำรวจภูธรแจ้งว่า เกิดเหตุคนร้ายลักทรัพย์ที่ร้าน ซึ่งในที่เกิดเหตุกล้องวงจรปิดสามารถบันทึกภาพคนร้ายไว้ได้ จากการตรวจสอบกล้องวงจรปิดพบว่าเมื่อเวลาประมาณ 20.20 น. พบคนร้ายได้เข้ามาในร้านมือถือดังกล่าวแล้วกวาดมือถือ 60 เครื่อง พร้อมอุปกรณ์ควบรถจักรยานยนต์หนีไปอย่างหยามใจ จึงรายงานให้ พ.ต.อ.เจริญ สุริยงค์ ผกก.สภ.ปัว , พ.ต.ท.สัณห์ ล้านมา รอง ผกก.สส.สภ.ปัว , พ.ต.ท.สมชาย ปาละ สว.สส.สภ.ปัว พร้อม จนท.ตร.ชุดสืบสวน รุดไปตรวจสอบตามที่ได้รับแจ้งเหตุลักทรัพย์ที่ร้าน ย่านธุรกิจอำเภอปัว ถนนสายน่าน – ทุ่งช้าง อำเภอปัว จังหวัดน่าน โดยที่กล้องวงจรปิดภายในร้านสามารถ สามารถบันทึกภาพคนร้ายได้ จากการตรวจสอบกล้องวงจรปิด บริเวณโดยรอบ ทราบว่าคนร้ายได้ใช้รถจักรยานยนต์ยี่ห้อ ฮอนด้าเวฟ สีน้ำเงิน – ดำ

จากการสืบสวนและตรวจสอบ พบว่า ผู้ครอบครองอาศัยอยู่ที่ บ้านทุ่งรัตนา ม.7 ต.ศิลาเพชร อ.ปัว จ.น่าน จึงได้เข้าไปตรวจสอบที่บ้าน พบ นาย พรชัย อายุ 46 ปี บ้านทุ่งรัตนา หมู่ 7 ต.ศิลาเพชร อ.ปัว จ.น่าน อยู่ภายในบ้าน และพบรถจักรยานยนต์ ซึ่งมีตำหนิและหมายเลขทะเบียน ตรงกับที่กล้องวงจรปิดสามารถบันทึกไว้ได้ และได้ขอทำการตรวจค้นภายในบ้าน พบของกลาง โทรศัพท์มือถือ หลายยี่ห้อจำนวน 59 เครื่อง สายชาร์จแบตโทรศัพท์ จำนวน 6 เส้น หูฟัง จำนวน 2 เส้นและแบตเตอร์รี่โทรศัพท์ จำนวน 4 ก้อน จึงได้ร่วมกันตรวจยึดและบันทึกไว้เป็นหลักฐาน

จากการสอบถามเจ้าของร้านในเบื้องต้นทราบว่าคนร้ายได้เข้าไปก่อเหตุลักทรัพย์โทรศัพท์มือถือที่ร้านจำนวน 2 ครั้งเวลาคาบเกี่ยวกันระหว่างวันที่ 9 – ตุลาคม 2565 โดยตัดแม่กุญแจที่คล้องหน้าร้านแล้วเข้าไปลักทรัพย์ดังกล่าว และเข้าไปเอาครั้งที่ 2 อีกรวมทรัพย์สินที่เสียหายเกือบ 200,000 บาทรวมทั้งโทรศัพท์มือถือที่ลูกค้านำมาซ่อมด้วย
จากการสอบถามนาย พรชัยหรือพร ในเบื้องต้น ได้รับว่าเป็นผู้ก่อเหตุลักทรัพย์ร้าน โทรศัพท์จริงและยอมรับอีกว่าได้เสพยาบ้ามาก่อน จำนวน 2 เม็ดก่อนที่จะเข้าไปลักทรัพย์ภายในร้านดังกล่าว โดยที่ได้ก่อเหตุนำ โทรศัพท์ไปแลกยาบ้ามาเสพ จึงนำตัวพร้อมของกลางทั้งหมดนำส่ง ร.ต.อ.สมบัติ เพาะจะโป๊ะ พงส.สภ.ปัว โดยแจ้งข้อกล่าวหาว่า ลักทรัพย์(โทรศัพท์)ในเวลากลางคืนโดยใช้ยานพาหนะ และนำไปตรวจปัสสาวะผู้ต้องหาเบื้องต้นโดยผู้ต้องหายินยอมและสมัครใจ ปรากฏเป็นผลบวกของผู้เสพยาบ้าและผู้ต้องหารับว่าได้เสพยาบ้ามาก่อนหน้านี้จริง จึงได้แจ้งข้อหาเพิ่มเติ่มว่า เสพสารเสพติดเข้าในร่างกายโดยผิดกฏหมาย เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป



ร่วมแสดงความคิดเห็น