ทหารพระธรรมนูญ ร่วมสอบทหารอากาศยิงเพื่อนบ้าน พี่เมียเผยปมเหตุคลั่งเมียหนี หลังถูกทำร้ายบ่อยครั้ง ส่วนญาติถูกขู่ฆ่าประจำ
เกิดเหตุทหารอากาศยศ พ.อ.อ. (พันจ่าอากาศเอก) ก่อเหตุอุกอาจใช้อาวุธปืน 9 มม. ยิงนายติหน่า อายุ 50 ปี กระสุนเข้าชายโครงขวาจนได้รับบาดเจ็บสาหัส หลังไปตามหาพี่สาวของภรรยาแต่ไม่เจอตัว และ นายติหน่าได้เข้าไปห้ามปรามไม่ให้มีเรื่องทะเลาะเบาะแว้งในหมู่บ้าน เหตุเกิดหน้าร้านขายของชำกลางหมู่บ้านห้วยแก้ว ต.แม่แฝก อ.สันทราย จ.เชียงใหม่ เมื่อเวลาประมาณ 15.00 น. วานนี้ (13 ตุลาคม) สร้างความแตกตื่นให้กับคนทั้งหมู่บ้าน

หลังเกิดเหตุชุดสืบสวน สภ.แม่แฝก ทราบว่าผู้ก่อเหตุหลบหนีมุ่งหน้าไปตามหาภรรยาที่สำนักงานขนส่งอ.แม่แตง จึงนำกำลังเข้าติดตามไปจับกุมได้โดยที่ไม่เกิดการยิงต่อสู้กัน ก่อนคุมตัวไปที่ สภ.แม่แฝก
ล่าสุดช่วงสายวันนี้ (14 ต.ค.65) นายทหารพระธรรมนูญจากต้นสังกัดเดินทางไปที่ สภ.แม่แฝก ร่วมกับพนักงานสอบสวนสอบปากคำผู้ก่อเหตุ ซึ่งถูกควบคุมตัวไว้บนห้องคุมขังของโรงพัก โดยทางโรงพักได้ใช้แผงเหล็กปิดกั้นบันไดทางขึ้นห้องคุมขังชั้น 2 ห้ามบุคคลไม่เกี่ยวข้องขึ้นไป โดยเจ้าหน้าที่ระบุว่าเป็นคดีอุกฉกรรจ์ โดยในวันพรุ่งนี้ (15 ต.ค.65) พนักงานสอบสวนจะคุมตัวส่งศาลทหาร เพื่อดำเนินคดีตามขั้นตอน
ขณะที่วันเดียวกันนี้พี่สาวของภรรยาผู้ก่อเหตุ พร้อมกับลูกสาวสองคน เดินทางเข้าแจ้งความที่ สภ.แม่แฝก ให้ดำเนินคดีเพิ่มเติมกับผู้ก่อเหตุ ในข้อหาบุกรุกและทำร้ายร่างกาย ก่อนเดินทางกลับ
พี่สาวของภรรยาผู้ก่อเหตุ เปิดเผยว่า น้องสาวแต่งงานอยู่กินกับผู้ก่อเหตุมานานหลายปี จนมีลูกสาวอายุกว่า 10 ปี ช่วงหลังเกิดเรื่องทะเลาะเบาะแว้งกันบ่อยครั้ง และผู้ก่อเหตุก็ติดเหล้าต้องกินทุกวัน ที่ผ่านมาหากมีเรื่องทะเลาะกัน ก็จะทำร้ายร่างกายน้องสาวหลายครั้ง และยังเคยใช้ผ้าห่มพันตัวและกระทืบจนบอบช้ำ ทำให้น้องสาวมักจะหนีออกไปนอนบ้านญาติๆ เพื่อความปลอดภัย

ปัญหาที่เกิดขึ้นทำให้น้องสาวทนไม่ไหว และขอหย่าหลายครั้ง แต่ผู้ก่อเหตุก็ไม่ยอมและไม่พอใจ แถมยังเข้าใจว่าตนเองและญาติ ๆ เป็นคนยุยงให้น้องสาวขอหย่า ช่วงหลังเวลาเมาหรือทะเลาะกับน้องสาว ก็มักจะมาตามหาตนเองและขู่ฆ่าหลายนครั้ง หากไม่บอกว่าน้องสาวหลบไปอยู่ที่ไหน แต่ละครั้งก็จะพกมีดพกปืนมาด้วย ทำให้ทุกคนหวาดกลัวพากันหลบหนี ล่าสุดน้องสาวได้หนีไปอยู่ที่ปลอดภัยนานประมาณ 5 เดือน ทำให้ผู้ก่อเหตุไม่พอใจและออกตามหามาหลายครั้ง
โดยเมื่อช่วงเย็นวานนี้ผู้ก่อเหตุได้ขับรถยนต์เก๋งออกมาตามหาตนเอง ที่ร้านขายของชำของลูกสาวในหมู่บ้าน แต่ไม่เจอทำให้โมโหต่อว่าและพยายามทำร้ายลูกสาวที่เฝ้าร้าน ลูกสาวจึงวิ่งหนีเข้าไปหลบในห้อง ผู้ก่อเหตุจึงขับรถออกไปตระเวนตามหา หลังจากนั้นได้กลับมาที่ร้านขายของชำ นายติหน่าซึ่งเป็นเพื่อนบ้านที่ได้ยินเสียงทะเลาะกันก่อนหน้านี้ ได้ออกมาดูและเดินเข้าไปหาผู้ก่อเหตุที่อยู่ในรถบอกว่าให้ใจเย็น ๆ มีอะไรค่อยพูดค่อยจากันเพราะเป็นพี่น้องกันทั้งนั้น ปรากฏว่าผู้ก่อเหตุชักปืนยิงใส่นายติหน่าเข้าที่ชายโครง ทำให้นายติหน่าวิ่งมาขอความช่วยเหลือที่ร้านขายของชำ ก่อนที่ผู้ก่อเหตุจะขับรถหลบหนีไปและถูกจับกุมในที่สุด
พี่สาวของภรรยาผู้ก่อเหตุ บอกว่า ก่อนที่ผู้ก่อเหตุจะเข้ามาที่ร้าน ตนเองได้ออกไปจากร้านก่อนหน้าไม่กี่นาที ไม่อย่างนั้นคงโดนฆ่าตายอย่างแน่นอน โดยเรื่องนี้ขอให้เจ้าหน้าที่ดำเนินคดีให้ถึงที่สุด โดยยืนยันว่าไม่เคยยุยงให้น้องสาวขอหย่าเพราะไม่รู้ว่ามีปัญหาอะไรกัน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าล่าสุดอาการนายติหน่าพ้นขีดอันตราย แพทย์ได้แยกตัวรักษาเนื่องจากติดเชื้อโควิด-19 เหตุอุกอาจที่เกิดขึ้นล่าสุด กองทัพอากาศออกแถลงการณ์ โดย พล.อ.ต.บุญเลิศ อันดารา โฆษกกองทัพอากาศ เปิดเผยถึงกรณีข้าราชการทหารอากาศ ก่อเหตุยิงเพื่อนบ้านได้รับบาดเจ็บในพื้นที่ อ.สันทราย จ.เชียงใหม่ ว่าจากการตรวจสอบเบื้องต้น พบว่าผู้ก่อเหตุเป็นข้าราชการทหารอากาศ สังกัดกองบิน 41 จ.เชียงใหม่ โดยเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นนอกเวลาราชการ และคาดว่ามีสาเหตุมาจากการทะเลาะวิวาท ซึ่งได้รับรายงานว่าผู้ได้รับบาดเจ็บอาการดีขึ้นมากแล้ว
ขณะนี้ พล.อ.อ.อลงกรณ์ วัณณรถ ผู้บัญชาการทหารอากาศ ได้รับรายงานแล้ว และได้กำชับให้ผู้เกี่ยวข้องให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ตำรวจอย่างเต็มที่ ในการดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย โดยไม่ปกป้องผู้กระทำความผิด ทั้งนี้ ต้นสังกัดได้มอบหมายให้ผู้บังคับบัญชาของผู้ก่อเหตุ และนายทหารพระธรรมนูญร่วมรับฟังการสอบสวนตามกระบวนการยุติธรรม และประสานรายละเอียดกับเจ้าหน้าที่ตำรวจอย่างใกล้ชิด
โฆษกกองทัพอากาศ กล่าวเพิ่มเติมว่า แม้ว่าเรื่องนี้จะเป็นเรื่องส่วนตัว แต่ในฐานะหน่วยงานต้นสังกัด ขอแสดงความเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยนอกจากการดำเนินคดีทางอาญาแล้ว ทางหน่วยต้นสังกัดจะมีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง เพื่อดำเนินการทางวินัยตามระเบียบที่เกี่ยวข้องอีกทางหนึ่ง ทั้งนี้หากผลการสอบสวนพบว่ามีความผิดจริง จะต้องถูกลงโทษทางวินัยอย่างไม่มีการละเว้นต่อไป
อย่างไรก็ตาม ผู้บัญชาการทหารอากาศ ได้เน้นย้ำให้หัวหน้าหน่วยกำกับดูแลกำลังพล ในการประพฤติตนให้อยู่ในระเบียบวินัย และปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด





ร่วมแสดงความคิดเห็น