เลขา ป.ป.ส. สั่งชุดปฏิบัติการ ล่าเครือข่ายส่งเฮโรอีน 53 กก.ไปฮ่องกง

วันที่ 25 เมษายน 2566 นายวิชัย ไชยมงคล เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (เลขาธิการ ป.ป.ส.) เผยถึง เหตุการณ์เมื่อวันที่ 21 เมษายน 2566 ศุลกากรฮ่องกงตรวจยึดเฮโรอีนน้ำหนัก 53 กิโลกรัม ซุกซ่อนในซองกาแฟสำเร็จรูป ที่สนามบินนานาชาติฮ่องกง พร้อมขยายผลจับกุมผู้ต้องหาชาวจีนฮ่องกงได้ 3 คน โดยพัสดุซุกซ่อนยาเสพติดดังกล่าวถูกจัดส่งโดยบริษัทขนส่งเอกชนรายหนึ่ง ในพื้นที่กรุงเทพฯ ศุลกากรฮ่องกงจึงได้ประสานข้อมูลมายัง สำนักงาน ป.ป.ส. เพื่อสืบสวนขยายผลกลุ่มผู้อยู่เบื้องหลังการจัดส่งเฮโรอีนในครั้งนี้

นายวิชัย ไชยมงคล เผยว่า หลังได้รับการประสานงานตนได้สั่งการให้นายปฤณ เมฆานันท์ ผู้อำนวยการสำนักปราบปรามยาเสพติด จัดชุดปฏิบัติการเพื่อสืบสวนขยายผลเรื่องนี้อย่างร่งด่วน จนเมื่อวันที่ 24 เมษายน 2566 เจ้าพนักงาน ป.ป.ส. ได้ร่วมกับ เจ้าหน้าที่กรมศุลกากร เข้าตรวจสอบพื้นที่ บุคคล ที่เกี่ยวข้องกับการส่งพัสดุดังกล่าว รวมถึงพยานหลักฐานทั้งหมด

จากการตรวจสอบพบว่า กลุ่มผู้จัดส่งยาเสพติดไปยังฮ่องกงในครั้งนี้ เป็นเครือข่ายข้ามชาติรายใหญ่ พบความเชื่อมโยงระหว่างผู้จัดหาเฮโรอีนใน สปป.ลาว และมีกลุ่มผู้รับจ้างชาวไทยทำหน้าที่จัดส่งพัสดุผ่านบริษัทขนส่งเอกชนไปยังกลุ่มลูกค้าปลายทางในฮ่องกง โดยช่วงเดือน มีนาคม-เมษายน 2566 ที่ผ่านมา กลุ่มขบวนการนี้ส่งพัสดุซุกซ่อนยาเสพติดไปฮ่องกงรวมแล้ว 3 ครั้ง

ขณะนี้เจ้าพนักงาน ป.ป.ส. ทราบผู้เกี่ยวข้องที่ร่วมจัดส่งยาเสพติดครั้งนี้แล้ว เบื้องต้น พบหลักฐานความเชื่อมโยงที่จะออกหมายจับเป็น คนไทย 1 คน และ สปป.ลาว 2 คน โดยจะร่วมกับฮ่องกงประสานข้อมูลทางคดีเพื่อประกอบเป็นพยานหลักฐานจับกุม รวมถึงจะประสานส่งข้อมูลไปยังสำนักงานคณะกรรมการแห่งชาติเพื่อตรวจตราและควบคุมยาเสพติด สปป.ลาว หรือ (Laos National Commission for Drug Control and Supervision : LCDC) สืบสวนขยายผลกลุ่มขบวนการในลาวต่อไป

เลขาธิการ ป.ป.ส. กล่าวว่า ในปี 2566 สำนักงาน ป.ป.ส. ได้มีความร่วมมือกับฮ่องกงอย่างต่อเนื่อง โดยมีผลการดำเนินงานภายใต้โครงการปราบปรามและสกัดกั้นทางท่าอากาศยานนานาชาติสากล (AITF) และโครงการปราบปรามและสกัดกั้นยาเสพติดทางท่าเรือสากล (SITF) รวม 9 ครั้ง ของกลาง ไอซ์ น้ำหนักรวม 74.6 กิโลกรัม และเฮโรอีน น้ำหนักรวม 47.5 กิโลกรัม ในตอนท้าย เลขาธิการ ป.ป.ส. กล่าวย้ำว่า ข้อหา ส่งออกยาเสพติด ถือเป็นความผิดร้ายแรง มีบทลงโทษที่รุนแรง โทษสูงสุด คือ จำคุกตลอดชีวิต และปรับ 5,000,000 บาท หรือ ประหารชีวิต และจะถูกยึดทรัพย์สินตามประมวลกฎหมายยาเสพติด ในขณะที่ผู้เกี่ยวข้องกับการรับ-ส่งพัสดุ เช่น กรณีให้ใช้ชื่อ-นามสกุล ในการรับส่งยาเสพติดผ่านพัสดุ มีความผิดตามประมวลกฎหมายยาเสพติด โดยอาจถือเป็นการสมคบ หรือ การสนับสนุนหรือช่วยเหลือผู้กระทำผิดฯ เพื่อกระทำความผิดร้ายแรงเกี่ยวกับยาเสพติด

ร่วมแสดงความคิดเห็น