วันนี้ (17 ก.พ. 66) เวลา 10.00 น. กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) กระทรวงมหาดไทย รายงานจากอิทธิพลความกดอากาศสูงกำลังค่อนข้างแรงระลอกใหม่ จากประเทศจีนได้แผ่ลงมาปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ขณะที่บริเวณประเทศไทยตอนบน มีอากาศร้อนโดยทั่วไป ทำให้เกิดวาตภัยในลักษณะพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง และลูกเห็บตกบางแห่ง โดยตั้งแต่วันที่ 14 – 17 ก.พ. 66 เกิดวาตภัยในพื้นที่ 10 จังหวัด ได้แก่ อุตรดิตถ์ เชียงราย เชียงใหม่ กาฬสินธุ์ อำนาจเจริญ ศรีสะเกษ ยโสธร สุรินทร์ มหาสารคาม และอุบลราชธานี รวม 23 อำเภอ 31 ตำบล 38 หมู่บ้าน บ้านเรือนประชาชนเสียหาย 340 หลัง แยกเป็น
ภาคเหนือ รวม 3 จังหวัด 10 อำเภอ 11 ตำบล 12 หมู่บ้าน บ้านเรือนประชาชนเสียหาย 174 หลัง ดังนี้
- เชียงราย เกิดวาตภัยในพื้นที่ 4 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเวียงชัย อำเภอเวียงเชียงรุ้ง อำเภอดอยหลวง และอำเภอเมือง รวม 5 ตำบล 5 หมู่บ้าน
- เชียงใหม่ เกิดวาตภัยในพื้นที่ 5 อำเภอ ได้แก่ อำเภอจอมทอง อำเภอดอยหล่อ อำเภอแม่แตง อำเภอฝาง และอำเภอกัลยาณิวัฒนา รวม 5 ตำบล 5 หมู่บ้าน บ้านเรือนประชาชนเสียหาย 159 หลัง
- อุตรดิตถ์ เกิดวาตภัยในอำเภอทองแสนขัน รวม 1 ตำบล 2 หมู่บ้าน บ้านเรือนประชาชนเสียหาย 15 หลัง
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ รวม 7 จังหวัด 13 อำเภอ 20 ตำบล 26 หมู่บ้าน บ้านเรือนประชาชนเสียหาย 166 หลัง ดังนี้
- กาฬสินธุ์ รวม 2 อำเภอ ได้แก่ อำเภอห้วยผึ้ง และอำเภอดอนจาน รวม 2 ตำบล 2 หมู่บ้าน บ้านเรือนประชาชนเสียหาย 3 หลัง
- อำนาจเจริญ รวม 3 อำเภอ ได้แก่ อำเภอลืออำนาจ อำเภอหัวตะพาน และอำเภอเมือง รวม 4 ตำบล 4 หมู่บ้าน บ้านเรือนประชาชนเสียหาย 9 หลัง
- ศรีสะเกษ รวม 2 อำเภอ ได้แก่ อำเภออุทุมพรพิสัย และอำเภอภูสิงห์ รวม 2 ตำบล 3 หมู่บ้าน บ้านเรือนประชาชนเสียหาย 25 หลัง
- ยโสธร เกิดวาตภัยในอำเภอไทยเจริญ รวม 4 ตำบล 7 หมู่บ้าน บ้านเรือนประชาชนเสียหาย 50 หลัง
- สุรินทร์ เกิดวาตภัยในอำเภอพนมดงรัก รวม 2 ตำบล 3 หมู่บ้าน บ้านเรือนประชาชนเสียหาย 3 หลัง
- มหาสารคาม เกิดวาตภัยในอำเภอพยัคภูมิพิสัย รวม 2 ตำบล 3 หมูบ้าน บ้านเรือนประชาชนเสียหาย 13 หลัง
- อุบลราชธานี เกิดวาตภัยในพื้นที่ 3 อำเภอ ได้แก่ อำเภอวารินชำราบ อำเภอเดชอุดม และอำเภอโขงเจียม รวม 4 ตำบล 4 หมู่บ้าน บ้านเรือนประชาชนเสียหาย 63 หลัง
ซึ่งกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยได้ประสานจังหวัด องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัย โดยสำรวจและประเมินความเสียหาย เพื่อดำเนินการช่วยเหลือตามระเบียบกระทรวงการคลัง ทั้งการชดเชยความเสียหายของบ้านเรือน เป็นวัสดุก่อสร้างหรือจ่ายเงินช่วยเหลือตามความเหมาะสม








ร่วมแสดงความคิดเห็น