ประเทศไทยในปัจจุบันยังมีความเข้าใจผิดว่า การผ่าตัดดึงหน้า ในแต่ละเทคนิคนั้นผ่าตัดเหมือนกันและให้ผลลัพธ์เหมือนกัน ในความเป็นจริงนั้นต้องยอมรับว่าการผ่าตัดดึงหน้าแต่ละเทคนิคแตกต่างกัน ทั้งในแง่ระยะเวลาในการผ่าตัด ความซับซ้อนของการผ่าตัด ผลลัพธ์ของการผ่าตัด และความคงทนของผลลัพธ์หลังผ่าตัด ซึ่งจากปัจจัยข้างต้นทำให้บางเคสผ่าตัดดึงหน้ามาแล้ว ดูไม่แตกต่างจากเดิมนัก บางเคสใบหน้าดูตึงขึ้น แต่ได้แนวที่ไม่ธรรมชาติ ผลลัพธ์หลังผ่าตัดอยู่ไม่นาน แปปเดียวหน้าตก

ชนิดของการผ่าตัดดึงหน้า
1. Subcutaneous facelift คือ การตัดหนังเกิน แล้วเอาไขมันออกบางส่วนแต่วิธีนี้ถ้าตัดหนังออกบางส่วนแต่วิธีนี้ถ้าตัดหนังออกมาเกินทำให้แผลมีแรงตึง และเป็นแผลนูน
2. SMAS Plication การเย็บชั้น SMAS เย็บทบกล้ามเนื้อ คือเย็บให้กล้ามเนื้อทับกัน
3. SMAS Ectomy คือตัดSMAS แล้วเย็บทับ ทำให้ไม่มีการทับซ้อนกัน นอกจากนั้นก็ไม่มีการนูนขึ้น ผลลัพธ์ที่ได้ก็จะเรียบขึ้น และมีความตึงมากขึ้น

4. เทคนิคการผ่าตัดแบบส่องกล้องฝังหมุด Endotine เอนโดไทน์ไม่ใช่เทคนิคแต่เป็นชื่อวัสดุ เป็นหมุดขนาดเล็ก ทำจากวัสดุ Bio-Plastic ที่สามารถย่อยสลายไปเอง ไม่มีสารตกค้าง ทำหน้าที่ยึดติดระหว่างผิวหนังและกล้ามเนื้อ หน้าผาก แก้ไขปัญหาหนังตาตก แก้ไขหน้าผากมีริ้วรอย แก้ไขรอยคิ้วขมวด สามารถดึงช่วงหน้าแก้มได้ด้วย แต่ระยะเวลาอยู่สั้น
5. MACS-Lift หรือ Minimal Access Cranial Suspension เป็นอีกวิธีศัลยกรรมดึงหน้าที่ถูกนำมาใช้เมื่อไม่นานมานี้ โดยที่จะทำการเปิดผิวส่วนหน้า ไม่ลามลงมาอ้อมหู และเย็บผิวหนังชั้น SMAS ให้ตึงด้วยไหมชนิดหนา

6. Deep plane or extended deep plane สามารถยกใบหน้าขึ้นได้มากกว่า ลดแรงตึงของแผล ให้ผลลัพธ์ดูเป็นธรรมชาติ และอยู่ได้นานกว่าการผ่าตัดดึงหน้าแบบเดิม หรือการผ่าตัดดึงหน้าแบบชั้นตื้น เป็นเทคนิคที่ทำยากที่สุด ใช้เวลานานที่สุด
ศัลยกรรมดึงหน้าเทคนิค เหมาะกับใคร ?
ผู้ที่มีปัญหาใบหน้าหย่อนคล้อย ผิวไม่กระชับ
ผู้ที่มีปัญหาหางตาตก หนังตาหย่อนคล้อย มีรอยตีนกา
ผู้ที่มีปัญหาริ้วรอยเป็นเส้นลึก
ผู้ที่มีปัญหาแก้มห้อย ร่องแก้มลึก ร่องน้ำหมากชัด
ผู้ที่มีปัญหาลำคอเหี่ยวย่น มีความหย่อนคล้อย ผิวไม่กระชับ
ผู้ที่มีปัญหาเหนียงใต้คาง
ผู้ที่ต้องการให้ใบหน้าแลดูอ่อนเยาว์อย่างเป็นธรรมชาติ
อีเดนสร้างความแตกต่างอย่างไร ?
เป็นที่ทราบกันดีว่าความชราของใบหน้า เกิดจาก สองส่วนหลัก คือ Structural change หมายถึงโครงสร้างกระดูก มีการยุบตัวลงไป วิธีการแก้ คือ การฉีดฟิลเลอร์แบบ CaHa ที่เป็นส่วนทดแทนกระดูก การฉีด Aterocollagen จะเป็นฟองน้ำ บนชั้นกระดูก และ Sagging หมายถึง การตก ที่แก้ที่ดีที่สุด คือ การผ่าตัด เอาหนังออก พร้อมดึงหน้า แต่ข้อจำกัดของการดึงหน้า คือ คอลลาเจนโครงสร้างผิวเท่าเดิม ดังนั้นหลังดึงหน้า 2-3 เดือน เราจะนัดติดตามพร้อมฉีด Biostimulator เพื่อเติม คอลลาเจนที่ชั้น SMAS แล้วแก้งานผิว ทำให้การยกหน้า ครั้งนี้ สามารถดูย้อนวัยเกือบสมบูรณ์แบบ
เมื่อผ่าตัดไปแล้ว สามารถ maintain กับเครื่อง ได้มั้ย ? การผ่าตัด ผลลัพธ์จะอยู่ 2-10 ปี ตามเทคนิคการผ่าตัด โดยทั่วไปแล้ว สามารถให้คงอยู่นานขึ้น ด้วย การใช้เครื่อง เช่น Fractional microneedle RF HIFU microwave หรือเลเซอร์ความยาวคลื่น 650-675 nm ที่จำเพาะเจาะจงการสร้างคอลลาเจน และ การฉีด Biostimulator ประเภท ต่างๆ เสริม การดึงหน้า



ร่วมแสดงความคิดเห็น