กรมอนามัย เผยแนวโน้มเด็กไทยติดเครื่องดื่มชงรสหวาน แนะโรงเรียนจัดเครื่องดื่มหวานน้อย เป็นทางเลือกสุขภาพ
กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข เผยข้อมูลการบริโภคเครื่องดื่มชงจากการสำรวจพฤติกรรม ด้านสุขภาพ ปี 2564 แยกตามกลุ่มอายุ และความถี่ในการดื่ม พบเด็กไทย อายุ 6-14 ปี ร้อยละ 25 และอายุ 15-24 ปี ร้อยละ 24.9 ดื่ม 1-2 วันต่อสัปดาห์ แนะโรงเรียน โรงอาหาร ร้านค้า จำหน่ายเครื่องดื่ม ที่มีรสชาติหวานน้อย หรือชนิดน้ำตาลศูนย์เปอร์เซ็นต์ เป็นทางเลือกที่ดีสำหรับสุขภาพ
นายแพทย์เอกชัย เพียรศรีวัชรา รองอธิบดีกรมอนามัยและโฆษกกรมอนามัย เปิดเผยว่า จากผลการสำรวจพฤติกรรมด้านสุขภาพของประชาชนอายุ 6 ปี ขึ้นไป ปี 2564 เกี่ยวกับการดื่มเครื่องดื่มชง เช่น ชา กาแฟ น้ำหวาน ชานม เป็นต้น พบแนวโน้มเด็กไทยติดรสหวาน โดยในเด็กอายุ 6-14 ปี ร้อยละ 25 และวัยรุ่นถึงวัยอุดมศึกษา อายุ 15-24 ปี ร้อยละ 24.9 ดื่มเครื่องดื่มชง จำนวน 1-2 วัน ต่อสัปดาห์ในขณะที่ผู้ใหญ่อายุ 45-59 ปี ร้อยละ 30.9 และอายุ 25-44 ปี ร้อยละ 27.4 ดื่มเครื่องดื่มชงทุกวัน ซึ่งการดื่มเครื่องดื่มชงมักจะเติมน้ำตาลปริมาณมากเพื่อชูรสชาติ หากดื่มเป็นประจำจะส่งผลเสียต่อสุขภาพ และมีพฤติกรรมติดหวาน ส่วนน้ำตาลเมื่อกินเข้าไปจะเปลี่ยนเป็นพลังงานให้แก่ร่างกาย แต่หากได้รับมากเกินไป จะถูกเปลี่ยนเป็นไขมันสะสมไว้ตามส่วนต่างๆ ของร่างกาย โดยเฉพาะไขมันในช่องท้อง ซึ่งเป็นสาเหตุ ของโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง ได้แก่ โรคเบาหวาน โรคหัวใจและหลอดเลือด และเกิดภาวะอ้วนหรือโรคอ้วน

นายแพทย์เอกชัย กล่าวต่อไปว่า เพื่อลดพฤติกรรมการบริโภคน้ำตาลในเด็กไทย จำเป็นต้องอาศัย ความร่วมมือของทุกภาคส่วน ทั้งที่บ้านและโรงเรียน ด้วยการจัดสภาพแวดล้อมให้เอื้อต่อการลดการบริโภคน้ำตาล โดยเฉพาะช่วงเปิดเทอมนักเรียนส่วนใหญ่ต้องกินอาหารและเครื่องดื่มจากโรงอาหาร และร้านค้าภายในโรงเรียน ดังนั้น โรงเรียนจึงควรใส่ใจเลือกอาหารและเครื่องดื่มที่ดีต่อสุขภาพสำหรับเด็ก เลือกปรุงเมนูอาหาร
ลดหวาน มัน เค็ม มีร้านจำหน่ายผลไม้สดพร้อมกิน เลือกจำหน่ายเครื่องดื่มแบบที่ไม่เติมน้ำตาล หรือเครื่องดื่มหวานน้อยที่เติมน้ำตาลไม่เกิน 5 เปอร์เซ็นต์ หากน้ำตาลเกิน 10 เปอร์เซ็นต์ ถือว่าหวานจัด ควรต้องหลีกเลี่ยง โดยอ่านที่ฉลากผลิตภัณฑ์ก่อนนำมาจำหน่าย
“ทั้งนี้ พ่อ แม่ ผู้ปกครอง รวมถึงคุณครู ควรปลูกฝังให้เด็กเลี่ยงกินหวาน โดยให้ความรู้เรื่องการบริโภค และเป็นตัวอย่างพฤติกรรมสุขภาพที่ดี เพื่อป้องกันการป่วยด้วยโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง ควรส่งเสริมให้เด็ก กินอาหารให้ครบ 5 หมู่ เน้นกินผักและผลไม้ เลือกเครื่องดื่มชงรสหวานน้อย หรือชนิดน้ำตาลศูนย์เปอร์เซ็นต์ เลี่ยงขนมหวาน น้ำหวาน น้ำอัดลม พยายามควบคุมให้เด็กกินน้ำตาลไม่เกิน 4 ช้อนชาต่อวัน แต่หากเด็ก อยากดื่มน้ำหวาน ช่วงเริ่มต้นควรลดขนาดหรือความถี่การดื่มเครื่องชงรสหวานลง หรือเลือกดื่มน้ำผลไม้สดไม่เติมน้ำตาลแทน อย่างไรก็ตาม น้ำเปล่ายังคงเป็นเครื่องดื่มที่ดีที่สุด โดยควรดื่มน้ำอย่างน้อย 6-8 แก้วต่อวัน เพื่อส่งเสริมให้ระบบต่างๆ ในร่างกายทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ” รองอธิบดีกรมอนามัยและโฆษกกรมอนามัย กล่าวในที่สุด

ร่วมแสดงความคิดเห็น