มาเด้คอลลาเจนคืออะไร ต่างกับเมโสหน้าใสอย่างไร

ถ้าพูดถึงเรื่องการบำรุงผิวหน้าแบบเร่งด่วน หลายคนก็คงจะนึกถึงการฉีดมาเด้คอลลาเจน และกาฉีดเมโสหน้าในเป็นอันดับต้นๆ แต่ก็ยังมีคนบางกลุ่มที่ไม่เคย ปรนนิบัติผิวด้วยวิธีนี้จึงทำให้เกิดข้อสงสัย และสับสบว่ามาเด้คอลลาเจนและเมโสหน้าใสนั้นเหมือนกันหรือไม่ มีอะไรบ้างที่แตกต่างกัน จะเลือกแบบไหนดี มาดูคำอธิบายอย่างละเอียดได้ในบทความนี้กันเลย

มาเด้คอลลาเจนคืออะไร

มาเด้คอลลาเจนเป็นหนึ่งในยี่ห้อของเมโมหน้าใสที่มีกลไลในการช่วยเรื่องผิวกระจ่างใส ในตัวของมาเด้คอลลาเจนจะประกอบไปด้วยวิตามินและสารต่างๆ มากมายที่จะเข้าไปช่วยบำรุงผิวของเราให้สวยเปล่งปลั่งขึ้นจากภายใน

หลักการทำงานของมาเด้คอลลาเจน

มาเด้คอลลาเจนใช้หลักการทำงานภายใต้ศาสตร์โฮมีโอพาธีย์ (HOMEOPATHY) ผนวกกับศาสตร์การฝังเข็ม 16 จุดทั่วใบหน้า ตามระบบการไหลเวียนน้ำเหลืองเพื่อกระตุ้นระบบการทำงานการรักษาตัวเองของผิวให้ทำงานได้ดีขึ้น ทำให้ระบบน้ำเหลืองที่มีหน้าที่ล้างสารพิษและเซลล์ที่เสื่อมสภาพที่ตกค้างบนผิวทำงานได้อย่างเต็มที่ กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนทำให้ผิวอิ่มฟู ดูรียบเนียน ริ้วรอยเหี่ยวย่นดูลดลง

ฉีดมาเด้คอลลาเจน 16 จุดดีอย่างไร

1. ฟื้นฟูสภาพผิวที่อ่อนแอ และเซลล์ผิวที่เสื่อมสภาพให้แข็งแรงขึ้น

2. กระตุ้นการทำงานของคอลลาเจนและอีลาสตินใต้ผิวทำให้ผิวมีความยืดหยุ่นและมีความชุมชื้นมากขึ้น ริ้วรอยเล็กๆจึงจางลง

3. ทำให้รูขุมขนกระชับ ละเอียดเล็กลง และปรับสีผิวให้กระจ่างใสขึ้นเล็กน้อย

4. สามารถลดการอักเสบของผิว ลดสาเหตุของการเกิดสิวได้อย่างตรงจุด

5. ขับสารพิษและเซลล์ที่ตายแล้วให้หลุดออกจากผิวหน้าได้อย่างหมดจด ทำให้ผิวมีความเสี่ยงในการแพ้ลดลง

6. มีความปลอดภัยสูงหากใช้ตัวยาของแท้ และทำโดยแพทย์ที่มีประสบการณ์

เปรียบเทียบมาเด้คอลลาเจนกันเมโสหน้าใสต่างกันหรือไม่? อย่างไร?

Made Collagen เป็นการบำรุงผิวหน้าอีกอย่างหนึ่งที่ถูกพูดถึงมาที่สุด ซึ่งทั้ง 2 ตัวยานี้เป็นตัวยาที่อยู่ในกลุ่มของเมโสหน้าใส ซึ่งมีหลายยี่ห้อ โดยแต่ละยี่ห้อจะมีเทคนิคในการฉีดแตกต่างกัน 

การฉีดมาเด้คอลลาเจน จะใช้เทคนิคการฝังเข็ม 16 จุดตามการไหลเวียนของระบบน้ำเหลือง ร่วมกับหลักการของ lymphatic drainage จากประเทศอิตาลี ที่ถูกพัฒนาขึ้นโดย ค้นพบโดยนายแพทย์ซามูเอล ฮาเนมันน์ (Dr.Samuel Hanemann) เป็นวิธีที่ช่วยรักษาอาการอักเสบของผิวที่ได้ความนิยมแพร่หลายไปทั่วโลก

ข้อดีของการใช้เทคนิค 16 จุด

  • มีรอยเข็มน้อย ไม่ต้องเสี่งต่อการติดเชื้อ
  • ฉีดในชั้นผิวหนังที่ลึกกว่าการฉีดแบบเมโสทั่วไปทำให้ร่างกายการดูดซึมยาได้ดีกว่า
  • เป็นเทคนิคที่ทำให้ระบบการไหลเวียนของเลือดทำงานได้ดีขึ้นทำให้ผิวแข็งแรง
  • ทำให้ผลลัพธ์อยู่ได้ยาวนานมากขึ้น

ข้อเสียของการใช้เทคนิค 16 จุด

  • อาจมีอาการบวมช้ำที่เกิดขึ้นจากรอยเข็มซึ่งจะหายได้เองใน 2-3 วัน

การฉีดเมโสหน้าใส จะใช้เทคนิคการฉีดตัวยาลงสู่ชั้นผิวหนังแบบสะกิดเป็นจุดเล็กๆทั่วใบหน้า เพื่อให้ตัวยากเกิดการกระจายตัวได้ดี และช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน เน้นช่วยทำให้ผิวหน้ากระจ่ายใสมากยิ่งขึ้น

ข้อดีของการฉีดเมโสหน้าใส

  • ตัวยาสามารถกระจายตัวได้ดี เนื่องจากเป็นหารฉีดทั่วใบหน้า
  • ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนให้กับผิวได้ดี
  • รู้สึกเจ็บน้อยเนื่องจากเป็นการฉีดแบบสะกิดลงไปที่ผิวหนังชั้นตื้นๆเท่านั้น

ข้อเสียของการฉีด

  • อาจมีรอยแดงเล็กๆจากเข็มทั่วใบหน้า
  • เสี่ยงต่อการติดเชื้อได้ง่ายกว่าการฉีดมาเด้คอลลาเจน เพราะมีการเปิดแผลมากกว่า
  • ผลลัพธ์ที่ได้อาจจะอยู่ได้ไม่นานเท่าการฉีดมาเด้คอลลาเจา

เทคนิคที่ถูกต้องสำหรับการฉีดมาเด้คอลลาเจน

การฉีดมาเด้คอลลาเจน แพทย์จะฉีดด้วยเทคนิค 16 จุดตามจุดการไหลเวียนของน้ำเหลือง โดยฉีดตัวยาเข้าไปยังผิวหนังชั้นกลาง (dermis) เพื่อให้ตัวยาแทรกซึมเข้าไปตามจุดฝังเข็มทั่วทั้งใบหน้า

ฉีดมาเด้คอลลาเจน และ เมโสหน้าใสกี่วันเห็นผล? ต้องทำบ่อยแค่ไหน?

การฉีดมาเด้คอลลาเจน โดยปกติแล้วการฉีดมาเด้คอลลาเจน (Made Collagen) จะเริ่มเห็นผลการเปลี่ยนแปลงทันทีตั้งแต่หลังการฉีดครั้งแรกหลังการฉีด และเห็นผลที่ชัดเจนใน 3-5 วัน แนะนำให้ฉีดอย่างต่อเนื่องทุกสัปดาห์ในช่วงเดือนแรก หลังจากนั้นสามารถเว้นระยะเป็น 2 สัปดาห์/ครั้ง ตติดต่อกันประมาณ 10 ครั้ง เพื่อการเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนและรวดเร็วยิ่งขึ้น

การฉีดเมโสหน้าใส ระยะการเห็นผลจะอยู่ที่ประมาณ 3 วันหลังฉีด แต่จะเห็นผลเต็มที่ใน 7-14 วัน และผลลัพธ์อยู่ได้ประมาณ 1-2 เดือน แนะนำให้ฉีดเมโสหน้าใสอาทิตย์ละ 1 ครั้งในช่วงเดือนแรก และหลังจากนั้นสามารถเว้นระยะเป็นฉีดทุก ๆ 2 อาทิตย์เพื่อการเห็นผลที่ดี เพื่อคงสภาพผิวที่ดี

ฉีดมาเด้คอลลาเจนใช้เวลานานไหม

ในการฉีดมาเด้คอลลาเจนแต่ละครั้ง แพทย์จะใช้เวลาประมาณ 10-15 นาที หลังจากนั้นผู้เข้ารับบริการสามารถกลับไปใช้ชีวิตได้ตามปกติได้เลย

ฉีดมาเด้คอลลาเจนต้องแปะยาชาไหม

การฉีดมาเด้คอลลาเจนไม่จำเป็นต้องแปะยาชา เพราะในระหว่างทำจะมีการ ประคบน้ำแข็งจึงไม่ทำให้รู้สึกเจ็บมาก และเป็นการฉีดเพียงแค่ 16 จุดเท่านั้น จึงสามารถทนได้อย่างสบาย

หลังฉีดมาเด้คอลลาเจนแต่งหน้าได้มั้ยต้องพักหน้ากี่วัน

หลังการฉีดมาเด้คอลลาเจนสามารถแต่งหน้าได้ตามปกติ โดยไม่ต้องพักหน้า แต่หากมีรอยแดง ช้ำ จากเข็มสามารถประคบเย็นเพื่อลดอาการได้ตามที่แพทย์แนะนำ

ทำไมฉีดมาเด้คอลลาเจนแล้วไม่เห็นผล

การฉีดมาเด้คอลลาเจนแล้วไม่เห็นอาจเกิดขึ้นได้จาก หลายสาเหตุเช่น

1. ตัวยาที่ใช้เป็นมาเด้คอลลาเจนปลอมที่ไม่ผ่าน อ.ย. หรือ เป็นตัวยาที่หิ้วเข้ามาโดยมีขั้นตอนในการรักษาตัวยาไม่ถูกต้อง จึงทำให้ไม่เห็นผล

2. ตัวยาที่ใช้เป็นของแท้แต่ถูกเจือจางมากเกินไปจึงทำ ให้ประสิทธิภาพของตัวยาลดลง

3. แพทย์ขาดความเชี่ยวชาญ ฉีดในชั้นผิว หรือฉีดในตำแหน่งที่ไม่ถูกต้องจึงทำให้เห็นผลลัพธ์ได้ไม่เต็มที่

สรุป

การฉีดเมโสหน้าใสและการฉีดมาเด้คอลลาเจนล้วนแต่แต่วิธีที่ช่วยบำรุงผิวหน้าจากภายในสู่ภายนอกเหมือนกัน แต่มีจุดมุ่งหมายในการรักษาที่ต่างกัน อย่างเช่นเมโสหน้าใสจะมุ้งเน้นไปที่ความขาวกระจ่างใสของผิว ตามาเด้คอลลาเจนจะเน้นในเรื่องของการรักษาปัญหาผิว และการฟื้นฟูผิวให้แข็งแรง ดังนั้นก่อนที่จะเลือกวิธีใดวิธีหนึ่ง ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อให้ได้รับตัวยาที่สามารถรักษาปัญหาผิวได้อย่างตรงจุด เพื่อการมีสุขภาพผิวที่ดี

แหล่งที่มาจาก :
รวมเรื่องน่ารู้ ฉีดมาเด้คอลลาเจน ฉีดเพื่ออะไร? อันตรายไหม? 2023 – https://www.plasticsurgeryissue.com/รวมเรื่องน่ารู้-ฉีดมาเด้/ 

“มาเด้คอลลาเจน” ต่างกับการฉีดเมโสหน้าใสอย่างไร แบบไหนดีกว่ากัน – https://www.springnews.co.th/lifestyle/828907

ร่วมแสดงความคิดเห็น