พบสารเคมี PFAs ที่ก่อมะเร็ง ในเครื่องสำอางกันน้ำ

สื่อนอกอย่าง theguardian รายงานถึงการศึกษาสารเคมี PFAs ((Perfluoroalkyl and Polyfluoroalkyl Substances) หรือเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า “สารเคมีอมตะ” (forever chemicals) ซึ่งสารเคมีเหล่านี้เป็นสารเคมีที่มนุษย์สร้างขึ้นมาเอง และไม่สามารถถูกทำลายได้ ไม่ว่าจะใช้แบคทีเรีย ไฟ หรือน้ำ ก็ตาม และล่าสุดพบว่าอาจมีการผสมในเครื่องสำอางค์หลายชนิด โดยเฉพาะเครื่องสำอางค์แบบกันน้ำ

เครดิตภาพ:https://www.seegerweiss.com/product-liability/waterproof-makeup-pfas-lawsuit/



ขณะที่ seegerweiss รายงานผลการศึกษาล่าสุดแสดงให้เห็นว่ามาสคาร่า ลิปสติก อายไลเนอร์ และผลิตภัณฑ์แต่งหน้าอื่นๆ แบบกันน้ำและติดทนนานยอดนิยม อาจมีสารเคมี PFAs ที่ก่อมะเร็ง สารเคมีเหล่านี้อาจทำให้ผู้ใช้ได้รับผลกระทบที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ สารเคมีอมตะ หรือสาร PFAs ถูกใช้อย่างแพร่หลายในการผลิตเครื่องสำอางค์หลายยี่ห้อทั้งในอเมริกาและแคนาดา อีกทั้งรายงานล่าสุดที่ถูกตีพิมพ์ใน Environmental Science & Technology เผยว่า มีสารฟลูออรีนอยู่ในระดับสูง ซึ่งสารนี้เป็นตัวบ่งชี้ว่ามีสาร PFAs และ สารเคมีเหล่านี้ มีความเชื่อมโยงกับ โรคมะเร็ง ⁃โรคตับ ไทรอยด์ ภูมิคุ้มกันลดลง ฮอร์โมนแปรปรวน และอื่นๆ ดังนี้

  1. มะเร็งชนิดต่างๆ
  2. ภูมิคุ้มกันที่อ่อนแอในเด็ก
  3. ทารกแรกเกิดน้ำหนักน้อย
  4. ปัญหาการสืบพันธุ์
  5. ระดับคอเลสเตอรอลสูงขึ้น
  6. น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้น


University of Notre Dame ที่สหรัฐอเมริกา ได้ทำการวิจัยนี้เพื่อตรวจสอบผลิตภัณฑ์ทั้งหมด 231 ชนิดและพบว่ามีเครื่องสำอางมากกว่าครึ่งนึง มีสาร PFAs ซึ่งผลิตภัณฑ์เหล่านั้นประกอบด้วย ลิปสติก อายไลเนอร์ มาสคาร่า รองพื้น คอนซีลเลอร์ รวมทั้งลิปบาล์ม blush on น้ำยาทาเล็บ และที่เขียนคิ้ว อื่นๆ

ซึ่งผลิตภัณฑ์ที่มีสาร ฟลูออรีน สูง คือ – มาสคาร่า คิดเป็น 82% ของผลิตภัณฑ์ที่นำมาตรวจสอบ
⁃รองพื้น คือ 63% และลิปสติกแบบน้ำ 62%



แต่บริษัทที่ผลิตเครื่องสำอางค์ต่างๆ มักไม่ระบุ ส่วนผสม PFAs ลงบนฉลากสินค้า ดังนั้นแทบเป็นไปไม่ได้เลยที่ผู้ใช้จะหลีกเลี่ยงมันได้ หากยังต้องมีการแต่งหน้าเมคอัพเพื่อความสวยงาม

แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะหลีกเลี่ยงไม่ได้เสมอไป เพราะมีรายงานระบุว่า สารฟลูออรีน ที่เป็นตัวบ่งชี้ PFAs มักอยู่ในผลิตภัณฑ์ที่มีคุณสมบัติ กันน้ำ และ ติดทน เมื่อผู้บริโภคใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีสารเคมี PFAs สามารถถูกดูดซึมผ่านผิวหนังหรือเข้าสู่กระแสเลือดและสะสมในร่างกาย ซึ่งจะเกิดการสะสม และส่งผลเสียต่อร่างกาย

ขณะเดียวกัน เมื่อผู้ใช้ล้างเครื่องสำอางออก สารเหล่านี้ก็จะไหลลงสู่แหล่งน้ำ และปนเปื้อนไปถึงสิ่งมีชีวิตในแหล่งน้ำ และเหล่าสัตว์น้ำ นักวิจัยบอกว่า ในตัวอย่างผลิตภัณฑ์ครึ่งนึง มีการตรวจพบว่าไม่มีการใส่สาร PFAS นั่นแปลว่า จริงๆแล้วเราก็สามารถผลิตเครื่องสำอางโดยไม่ใส่สารนี้ได้ตอนนี้ทางการสหรัฐกำลังจะร่างกฎหมายห้ามใช้สารนี้ในเครื่องสำอาง รวมถึงการร่วมมือกับผู้ประกอบการต่างๆ โดยที่ไม่ทิ้งให้ผู้บริโภค ต้องรับมือกับความเสี่ยงแต่เพียงผู้เดียว



ขอบคุณที่มา
theguardian
seegerweiss
voathai
บัญชีX-ซ้อขอเล่า

ร่วมแสดงความคิดเห็น