อุบัติการณ์ที่บ่งชี้ว่าหูตึง ในปัจจุบันการบริการสาธารณสุข มีการให้ความรู้ผ่านทางอินเตอร์เน็ตมากขึ้น และในปัจจุบันประเทศไทยอยู่ในสังคมผู้สูงอายุ มีผู้สูงอายุมากขึ้น เพราะฉะนั้นเมื่ออายุมากขึ้น อากาสที่หูจะตึงมีมากขึ้น ในบางรายผู้ป่วยที่เป็นโรคประจำตัว เช่น ผู้ป่วยเป็นโรคไต เบาหวาน ความดันไขมัน กลุ่มนี้มีโอกาสที่จะหูตึงมากกว่าคนปกติมากขึ้น
สรีระของหูประกอบด้วยอะไรบ้าง
-หูชั้นนอก ประกอบด้วย ใบหู รูหู
-หูขั้นกลาง ประกอบด้วย กระดูกรูปค้อน กระดูกรูปทั่ง และกระดูกรูปโกลน โดยเสียงจะผ่านทางช่องหู ทำให้แก้วหูขยับ กระดูกหูขยับ แล้วทำให้หูชั้นในซึ่งมีน้ำในหูที่เป็นรูปตัวหอยโข่ง ขยับจะเกิดไฟฟ้าขึ้น และส่งกระแสไฟฟ้าเข้าไปตามเส้นประสาท สมองคู่ที่แปด และเข้าไปยังสมอง ทำให้ได้ยินและแปลความหมายได้ ส่วนใหญ่ที่ผู้ป่วยเข้าพบแพทย์โดยเฉียบพลันนั้น เกิดจากผู้ที่มีอาการของหูชั้นนอก หรือหูชั้นกลาง เพราะเมื่อเกิดอาการขึ้นมักจะมีอาการอย่างอื่นร่วมด้วย เช่น หูมีน้ำหนองไหล
-หากเกิดจากหูชั้นในบางราย หากเป็นทีละน้อยผู้ป่วยมักไม่รู้ตัว
วิธีการตรวจการได้ยิน
แพทย์จะทำการตรวจถึงแก้วหูด้วยอุปกรณ์ทางการแพทย์ ก็สามารถทราบว่าเกิดโรคอะไร
อาการที่พบบ่อย ขี้หูตัน
รูหูชั้นนอกอักเสบ
-มีอาการปวด หูมีหนองไหล เจ็บหูเวลาโยกใบหู พบในพวกชอบว่ายน้ำ แคะหูบ่อยๆ
-ตรวจพบ รูหูบวม มีหนองไหล อาจพบตุ่มหนองในรูหู
-อักเสบเป็นทั่วไป ทั้งช่องหู จากเชื้อแบคทีเรียซูโดโมแนส แอรูจิโนซา เชื้อแบคทีเรียที่พบได้ในสิ่งแวดล้อมรอบตัวเรา
ภาวะเชื้อราในช่องหู หรือ otomycosis
-พบในคนที่ชอบใช้ยาหยอดหูโดยไม่จำเป็น น้ำเข้าหูบ่อยๆ
-มีอาการ หูอื้อ มีน้ำไหลจากหู และคันหู เกิดจากเชื้อราในกลุ่ม Aspergillus niger และCandida albicans
-ตรวจพบมีปุยขาวคล้ายกระดาษเปียกน้ำในรูหู อาจเห็นสปอร์สีดำ
-มีเชื้อราสีดำในรูหู หรือ มีเยื่อคล้ายกระดาษชำระเปียกน้ำในรูหู
หูชั้นกลางอักเสบเฉียบพลัน
-สัมพันธ์กับ URI
-พบบ่อยในเด็กเป็นหวัด
-ปวดดูมีไข้
-หากเป็นมากขึ้นแก้วหูจะทะลุ จะมีหนองไหล
กลุ่มอาการที่ตรวจแล้วไม่พบอะไร
แพทย์จะนำส่งไปตรวจวัดการได้ยิน เพื่อตรวจระดับการได้ยินว่าปกติมากน้อยแค่ไหน
โดยปัจจุบัน มีการตรวจวิเคราะห์โรค ตรวจเพื่อสมัครงาน หรือหูตึงต้องการได้รับความพิการ
อาชีพที่มีความเสี่ยงต่อโรคหูตึง ผู้ที่อยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีเสียงดัง ใส่หูฟังเปิดเพลงเสียงดังเป็นประจำ หรือทำงานในสถานบันเทิง อุบัติเหตุต่อศีรษะที่กระทบถึงประสาทหู โรคบางชนิด ฯลฯ ให้สังเกตเมื่ออยู่ในสภาพแวดล้อมที่เงียบแล้วได้ยินเสียงวี๊ด นั่นจะส่งสัญญาณต่อการเกิดโรคหูตึงได้
****ระดับเสียงดังที่อันตรายต่อหูคือความดัง มากกว่า 90 เดซิเบล หรือในที่ดังจนตะโกนกันแทบไม่ได้ยิน ควรหลีกเลี่ยง เพื่อป้องกันอันตายต่อหูจากเสียงดัง
ขอขอบคุณข้อมูลจาก : ผศ.นพ.จารึก หาญประเสริฐพงษ์
หัวหน้าหน่วยโสตประสาทและการสื่อความหมาย
ภาควิชาโสต ศอ นาสิกวิทยา คณะแพทยศาสตร์ มช.
ติดตามผ่าน Facebook : https://cmu.to/xwuGc
เรียบเรียง:นางสาวนันทพร ระบิน
ภาพ / ข่าว : กลุ่มงานสื่อสารองค์กร
งานประชาสัมพันธ์
คณะแพทยศาสตร์
มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

ร่วมแสดงความคิดเห็น